ปตท.สผ.โชว์ผลงาน 9 ด.ปี67 นำส่งรายได้เข้ารัฐ กว่า 4.3 หมื่นลบ. หนุนพัฒนาประเทศ

ผู้ชมทั้งหมด 304 

ปตท.สผ. เผยผลการการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ปี 2567 นำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจให้กับรัฐประมาณ 43,300 ล้านบาท ขณะที่ทำกำไรสุทธิ 60,517 ล้านบาท คาดโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 ในยูเออี ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ได้ปี2568

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนของปี 2567 ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ  จำนวนกว่า 43,300 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ยังเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่รัฐได้รับโดยตรงจากการผลิตปิโตรเลียมของบริษัท เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

สำหรับผลประกอบการในรอบ 9 เดือนของปี 2567 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 247,119 ล้านบาท (เทียบเท่า 6,912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.)) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัตราการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 47.11 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติ จึงส่งผลให้รอบ 9 เดือนของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 60,517 ล้านบาท (เทียบเท่า 1,688 ล้านดอลลาร์ สรอ.)

โดยในช่วงไตรมาส 3 นี้ ปตท.สผ.มีความคืบหน้าในการดำเนินงานโครงการในต่างประเทศ อย่าง โครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้รับการอนุมัติแผนพัฒนาโครงการจากหน่วยงานรัฐบาลของอาบูดาบีแล้ว โดยคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ได้ในปี 2568 เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมและอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติให้บริษัทในอนาคต

 ส่วนด้านการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital-Driven Organization) ช่วงที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้พัฒนาโครงการ DigitalX ขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้โครงการนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Solutions) เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างครบวงจร เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning ที่ช่วยวิเคราะห์และประมวลข้อมูลทั่วทั้งห่วงโซ่ธุรกิจของ ปตท.สผ. ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เช่น ช่วยการเจาะหลุมปิโตรเลียม กระบวนการผลิต การบริหารจัดหาจัดส่งวัสดุอุปกรณ์ โดยมีการเชื่อมฐานข้อมูล (Data Foundation) ที่เชื่อถือได้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีระบบบริหารจัดการทรัพยากร (ERP System) ที่ทันสมัย ภายใต้มาตรการความปลอดภัยเชิงรุก

นอกจากนี้ ปตท.สผ. กำลังพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี หุ่นยนต์และอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานที่แท่นผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ลดความเสี่ยง ลดระยะเวลาในการทำงาน เช่น โดรนสำหรับขนส่งอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น (Delivery Drone) ระหว่างแท่นผลิตในอ่าวไทย ซึ่งช่วยให้การเคลื่อนย้ายเครื่องมือ อุปกรณ์การผลิต และอื่น ๆ สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และโดรนสำหรับตรวจสอบสภาพภายนอกของแท่นผลิตและตรวจการ (Inspection Drone) เพื่อยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างแท่นผลิตรวมถึงป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที