ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้อาจปรับขึ้น หลังความขัดแย้งในแถบตะวันออกกลางยังตึงเครียด

ผู้ชมทั้งหมด 228 

ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับเพิ่มเล็กน้อยจากความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดมากขึ้น  ขณะที่ OPEC+ คงนโยบายการลดกำลังการผลิตตามเดิม คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 7 – 11 ต.ค. 67 พบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางรุนแรงต่อเนื่อง และอาจทำให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ ขณะที่ OPEC+มีมติคงนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันตามเดิม นอกจากนี้ FED ส่งสัญญาณพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ประกอบกับแผนจัดซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐฯ อาจหนุนความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อต่ำกว่า 50 อย่างต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย

• สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอิสราเอลพร้อมเปิดปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮิซบอเลาะห์ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าหากความขัดแย้งในภูมิภาคดังกล่าวยกระดับขึ้น เป็นสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อาจส่งผลผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในภูมิภาค กลุ่มติดอาวุธนิกายชีอะต์ในอิรักและเยเมนก็อาจพุ่งเป้าการโจมตีเพิ่มเติมมาที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ซึ่งหนุนหลังอิสราเอลอยู่ในเวลานี้

• จากการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC+) มีมติคงนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเช่นเดิม โดยจะยังคงทยอยปรับเพิ่มกำลังผลิตขึ้นที่ระดับ 0.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. 67 อย่างไรก็ดี ซาอุดิอาระเบียเผยอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบหากทางกลุ่มพันธมิตรไม่ปฏิบัติตามโควต้า ทั้งนี้ การประชุม OPEC+ จะจัดขึ้นอีกครั้งวันที่ 1 ธ.ค. 67

• นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด (FED) ส่งสัญญาณที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมสองครั้งที่เหลือของปี แต่อาจเป็นในอัตราที่ช้าลงที่ระดับ 0.25% หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยล่าสุดนายเจอโรม พาวเวล มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะลดลงมาอยู่ที่ 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วได้ตามเป้าหมาย และสามารถรักษาระดับอัตราการว่างงานในระดับต่ำได้ ทั้งนี้ อัตราว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ส.ค. 67 อยู่ที่ 4.2% ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร (JOLTS) เดือน ส.ค. 67 เพิ่มขึ้น 329,000 ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 8.04 ล้านตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชี้วัดอัตราเงินเฟ้อในเดือน ส.ค. 67 อยู่ที่ 2.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

• กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศจัดซื้อน้ำมันดิบวันที่ 18 ก.ย. 67 เพื่อเติมคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ปริมาณรวมประมาณ 6 ล้านบาร์เรล ส่งมอบในเดือน ก.พ. – พ.ค. 68 ทั้งนี้ ในปี 2567 สหรัฐฯ ซื้อคืนน้ำมันดิบเข้า SPR ปริมาณ 56 ล้านบาร์เรล ที่ระดับราคาเฉลี่ย 76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล

• อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจจีน หลังดัชนีผู้จัดฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) อยู่ที่ระดับ 49.8 ในเดือน ก.ย. 67 ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนภาพของเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย แม้รัฐบาลจะมีมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ซบเซาเช่นเดียวกัน หลังล่าสุดดัชนีผู้จัดฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) อยู่ที่ระดับ 47.2 ในเดือน ก.ย. 67 ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังคงเปราะบางอยู่

• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 67 ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค อัตราการว่างงานเดือน ก.ย. 67 และดัชนีราคาผู้ผลิต เศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป เดือน ส.ค. 67 ได้แก่ ยอดขายปลีก และเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน เดือน ก.ย. 67 ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิต

ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. – 4 ต.ค. 67  พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 6.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 74.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 6.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 78.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 77.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากกลุ่ม Hamas แถลงการณ์ ผู้บัญชาการกลุ่ม Hamas ในเลบานอน นาย Fateh Sherif เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศในท่าเรือทางใต้ของเมือง Tyre ในเลบานอน ขณะที่อิหร่านตอบโต้อิสราเอลด้วยขีปนาวุธราว 180-200 ลูก

นอกจากนี้ สำนักสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) เผยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 2 ปี 67 อยู่ที่ 0.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 67 อยู่ที่ 0.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการขยายตัวในภาคบริการ

อย่างไรก็ดี สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.ย. 67 ปรับเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 417 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล