ผู้ชมทั้งหมด 255
AOTGA คาดปี 67 มีรายได้รวมกว่า 3 พันล้าน ลั่นพร้อมเข้าร่วมประมูลบริการภาคพื้นรายที่ 3 และบริการคาร์โก้ ที่สุวรรณภูมิ หากชนะจะช่วยให้มีรายได้พุ่งขึ้นกว่า 1 เท่าตัวทะลุ 6 พันล้าน ระบุยังไม่มีแผนนำบริษัทฯเข้าตลาดหลักทรัพย์
นายสิริวัฒน์ โตวชิรกุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บพท.) หรือ AOTGA ผู้ให้บริการภาคพื้นท่าอากาศยาน และบริการคลังสินค้าในท่าอากาศยาน (Cargo Terminal) เปิดเผยว่า ในปีงบฯ 2566 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีผลประกอบการรวม 2,700 ล้านบาท มีกำไร 500 ล้านบาท ส่วนปีงบฯ 2567 สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน 2567 คาดว่า บริษัทฯ จะมีรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการภาคพื้นประมาณ 2,500 ล้านบาท และรายได้จากบริการทำความสะอาดอาคาร รวมถึงห้องน้ำและพื้นของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งที่อยู่ในความดูแลของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ประมาณ 500 ล้านบาท
ขณะที่ปีงบฯ 2568 คาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 3,800-3,900 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการให้บริการภาคพื้นประมาณ 3,400 ล้านบาท และรายได้จากบริการทำความสะอาดอาคาร รวมถึงห้องน้ำและพื้นของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ประมาณ 400ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกมาจากการให้บริการภาคพื้นในช่วงไฮซีซั่นที่จะมีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งถือเป็นฐานรายได้หลักของบริษัทฯประมาณ 60-70% รวมถึงยังมีการให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองด้วย
นายสิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเป็นผู้ให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรายที่ 3 ซึ่งเวลานี้มีความพร้อมอย่างมากแล้ว เนื่องจากมีประสบการณ์จากการดำเนินงานที่ท่าอากาศยานภูเก็ตที่หลากหลาย ทั้งการให้บริการภาคพื้นสำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างและลำตัวแคบ และการให้บริการคลังสินค้า (Cargo) รวมถึงยังมีประสบการณ์จากการการเข้ามาช่วยให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามหากได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรายที่ 3 คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนในขั้นเริ่มต้นประมาณ 1 พันล้านบาท และอาจจะเพิ่มทุนไปถึง 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังจะเข้าร่วมประมูลให้บริการคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วย เพราะถือเป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องกัน ทั้งนี้หากได้ดำเนินงานทั้งหมดตามที่คาดการณ์ไว้ก็เชื่อว่า จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว หรือน่าจะมีรายได้รวมกันมากกว่า 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะนำบริษัทฯเข้าตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากต้องผ่านการหารือและพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุดก่อน