ผู้ชมทั้งหมด 300
ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย เหตุตลาดจับตาการประชุมเฟด ท่ามกลางความคืบหน้าด้านการเจรจาหยุดยิง คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 77-87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผย บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ก.ค. – 2 ส.ค. 67 พบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มเล็กน้อยหลังย่อตัวลงจากความคืบหน้าด้านการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยในสัปดาห์นี้ตลาดจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ ที่คาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67 หลังธนาคารจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบที่อาจมีความเสี่ยงจากเหตุไฟป่าในเขตรัฐอัลเบอร์ตาประเทศแคนาดา
สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายทางการเงินของเฟด (FOMC) ที่จัดขึ้นในวันที่ 30 -31 ก.ค. 67 หลังจากก่อนหน้านี้ประธานเฟดและสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดได้ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดเตรียมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. หากตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานเป็นไปตามคาดการณ์ โดยคาดว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 67 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำอาจกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันในประเทศให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25 – 5.5% ในการประชุมครั้งนี้
ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (LPR) ประเภท 1 ปี และ 5 ปี ลง 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 3.35% และ 3.85% ตามลำดับ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับเดิม ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยหนุนความความต้องการใช้น้ำมันของจีนให้ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าในรัฐอัลเบอร์ตาประเทศแคนาดายังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องมากกว่า 130 จุดเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไฟป่าที่อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งทรายน้ำมันทางตอนเหนือของรัฐอัลเบอร์ตากว่า 4 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยล่าสุดบริษัท Suncor Energy ได้มีการปรับลดกำลังการผลิตบางส่วนในแหล่งผลิต Firebag ที่มีกำลังการผลิตกว่า 2 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมถึงบริษัทน้ำมันแห่งอื่นๆ ได้มีคำสั่งอพยพคนงานบางส่วนออกจากพื้นที่บริเวณที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย
ตลาดมีความหวังว่าสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีทิศทางผ่อนคลายลง หลังการเจรจาเพื่อหารือข้อยุติหยุดยิงครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยล่าสุดอิสราเอลได้ส่งคณะเจรจาของอิสราเอลไปเจรจาหยุดยิงครั้งใหม่ในเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 67 ขณะเดียวกัน นายเบนจามิน เนทันยาฮู ได้เดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาของสหรัฐ พร้อมหารือเกี่ยวกับประเด็นขัดแย้งต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลเรื่องผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง
ตลาดจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และการเลือกตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะมีการลงคะแนนอย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ของพรรค ณ วันที่ 19 ส.ค. 67 และดูว่าใครจะขึ้นมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งรองประธานาธิบดีแทนที่กมลา แฮร์ริส ขณะเดียวกัน ตลาดก็ต้องติดตามทิศทางนโยบายด้านพลังงานของทั้งของกมลา แฮร์ริส และทรัมปด์ที่อาจส่งกระทบกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในอนาคตรวมไปถึงภาคเศรษฐกิจและการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศได้
ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. 67 ได้แก่ รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขอัตราการว่างงาน ตัวเลขการจ้างงานภาคนอกการเกษตร และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.ค. 67 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเดือน ก.ค. 67 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเดือน ก.ค. 67
ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 77-87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 22 – 26 ก.ค. 67 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 77.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 81.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังสถานการณ์การเจรจาเพื่อหาข้อตกลงยุติหยุดยิงครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลและฮามาสมีความคืบหน้ามากขึ้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานศุลกากรของจีน (GAC) เผยตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียปรับตัวลดลงกว่า 19.7% เทียบปีก่อนหน้า สู่ระดับ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และอุปสงค์น้ำมันเดือน มิ.ย. 67 ปรับลดลง 8.1% เทียบกับปีก่อนหน้าสู่ระดับ 13.66 ล้านบาร์เรลต่อวันสะท้อนเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมไปถึงตลาดกังวลเรื่องการถอนตัวของนายโจ ไบเดนจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิด ความกังวลต่อนโยบายทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองในสมัยที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า Saudi Aramco จะปรับลดราคาขายน้ำมันดิบ Arab light ที่ส่งมอบให้ลูกค้าเอเชียเดือน ก.ย. 67 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในภูมิภาคที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.ค. 67 ลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 436.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 67 และปรับลดมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล