ผู้ชมทั้งหมด 490
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เป็นอีกบริษัทหนึ่งผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทยมีการลงทุนขยายโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,003 เมกะวัตต์ โดยมีโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable จำนวนรวม 42 แห่งใน 8 ประเทศ ซึ่ง สิ้นปี 2567 ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group คาดว่าจะมีกำลังการไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 8,000 เมกะวัตต์ โดยการขยายการลงทุนจะมุ่งเน้นเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งพลังงานหมุนเวียน และโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ
พร้อมกันนี้ยังได้ขยายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้า อาทิ ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค รวมถึงธุรกิจ Customer Solution & Startup เพิ่มโอกาสการเติบโตของ EGCO Group อย่างยั่งยืน ดร.จิราพร ระบุว่า ตนพร้อมเดินหน้าสานต่อการดำเนินธุรกิจของ EGCO Group ตามทิศทาง Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth มุ่งผลักดันเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การเพิ่มกำลังผลิตใหม่ (Capacity Portfolio) ทั้งกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมทั้ง การบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ
2.การสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Revenue profit) ซึ่งจะส่งผลถึงการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น (Dividend) และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท (Credit Rating) ตามมาควบคู่กับ 3.การเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (Green) ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ตามกรอบ ESG ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียและอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน
เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 30%
นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจตามทิศทาง Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth นั้นยังได้ดำเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลักให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้ไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า ศึกษาและใช้เทคโนโลยี CCS หรือ CCUS เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใน Portfolio เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573
พร้อมกันนี้ EGCO Group ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า โดยลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่เติบโตสูง เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยต้องมี Stronger ด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อขยายและต่อยอดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง EGCO Group มีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา
ขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ “4S”
สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2567 ยังขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ “4S” โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูงและมีผลตอบแทนที่ดี (Select high quality projects) และการเร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน (Speed up projects under construction) เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ EGCO Group เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน มีความก้าวหน้าตามแผนงานเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 75 ต้น ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generators – WTGs) เสร็จเรียบร้อยแล้ว 50 ต้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนที่กำหนด
ทิศทางครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง
ดร.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงาน 6 เดือนหลัง มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ EGCO Group โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังผลิตใหม่และการสร้างรายได้และกำไร ได้แก่ การรับรู้รายได้จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการ Yunlin การรับรู้รายได้ของ APEX ในสหรัฐอเมริกา จากการขายโครงการและจาก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2567 การรับรู้รายได้จากการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที รวมทั้งโอกาสในการเจรจาสัญญาใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดสัญญา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567
นอกจากนั้น การลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และโครงการแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3/2567 และจะทยอยแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์บางส่วน ภายในปี 2568 พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ตลอดจนศึกษา เพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco
อย่างไรก็ตามกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2567 กว่า 93% ยังมาจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า (Midstream) ซึ่งเป็นรากฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง หรือ Core Business ของ EGCO Group แต่ในอนาคต กำไรจากธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค รวมถึงธุรกิจ Customer Solution & Startup จะเริ่มมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ดร.จิราพร กล่าวถึงความพร้อมในการประมูลโครงการในประเทศไทยว่า EGCO Group มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ กำลังผลิตประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ ส่วนขยาย ที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้ร่างแผน PDP 2024 ตลอดจนยังได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคตด้วย