CEO ใหม่ PTTGC สานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus ชู Allnex – Bio Complex เรือธงลงทุนธุรกิจใหม่

ผู้ชมทั้งหมด 388 

“ณะรงค์ศักดิ์” CEO ใหม่ PTTGC สานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus ชู Allnex – Bio Complex เรือธงรุกธุรกิจมูลค่าสูง คาร์บอนตํ่า พร้อมเดินหน้าขยายลงทุนมาบตาพุดดันเป็น Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดมีความชัดเจนภายใน 1 ปี

นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กล่าวว่า ตนในฐานะ CEO ใหม่ของ PTTGC พร้อมสานต่อสานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus ดำเนินการตามแนวทางเช่นเดิม แต่ก็ต้องมีการปรับตัว เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ลงทุนที่เปลี่ยนไป พร้อมเตรียมนำนวัตกรรม ศักยภาพการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพที่ PTTGC มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ มาต่อยอดและตอบสนองแนวโน้มความต้องการของอุตสาหกรรมใหม่ตามเทรนด์โลก

สำหรับ 3 Steps Plus นั้นประกอบด้วย กลยุทธ์ Step Out หรือการสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศที่จะมีบทบาทอย่างมากต่อการเติบโตในอนาคตของบริษัทฯ โดยกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ (High Value & Low Carbon Business) จะมุ่งเน้นการขยายตลาดผ่านบริษัท Allnex Holding GmbH (Allnex) ซึ่งจะเป็นเรือธงในธุรกิจที่มีมูลค่าสูง โดยในปัจจุบันมีโรงงานและฐานธุรกิจสารเคลือบผิว (Coating Resins) อยู่ 34 แห่งทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันมีฐานการผลิต (Hub) อยู่ประเทศจีน (China Hub) พร้อมได้ขยายฐานผลิตในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพการเติบโต ได้แก่ โรงงาน Mahad รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย

พร้อมกันนี้ Allnex ยังมีแผนขยายโรงงานแห่งใหม่ในมาบตาพุด ผลักดันให้เป็น Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในตลาดเคลือบผิวในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ บรรจุภัณฑ์ โลหะอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งเคลือบผิวอาคารแบบพิเศษ (Special Decoration) ซึ่งแผนการลงทุนคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1 ปี

“ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากร 686 ล้านคนเป็นอันดับที่ 3 รองจากจีนและอินเดีย อัตราการใช้เคมีภัณฑ์ต่อประชากรยังมีโอกาสเติบโตอีกมากเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ ซึ่งหากเทียบความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอยู่ประมาณ 13,500 ตันต่อ 1 ล้านคน หากเทียบกับตลาดยุโรป 27,000 ตันต่อ 1 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 32,000 ตันต่อ 1 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตของ GDP 4.6% จึงมองว่าจะเป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นการขยายโรงงานแห่งใหม่ในมาบตาพุดก็จะใช้ Allnex เป็นเรือธงในมาบตาพุด พร้อมดึงนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาร่วมลงทุนผลักดันเป็น Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายณะรงค์ศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจ Bio และ Green นั้นก็เป็นอีกเรือธงหนึ่งของ PTTGC ในการพัฒนาและขยายการลงทุน เพื่อต่อยอดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ High Value & Low Carbon Business โดย PTTGC ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Cargill ถือหุ้น 50% ในบริษัท NatureWorks LLC อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิต PLA ครบวงจรแห่งใหม่ที่นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์(Nakhonsawan Bio Complex – NBC) ซึ่งจะเป็น Bio Complex แห่งแรกของประเทศไทย โดยใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อผลิต Lactic Acid ซึ่งนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PLA มีกำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี โดยกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2568 คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2569 และจะเริ่มรับรู้เป็นรายได้ทันที ดังนั้นเมื่อเริ่มต้นเดินเคื่องโรงงานผลิต PLA ก็จะส่งผลให้ Bio Complex เป็นอีกหนึ่งเรือธงสำคัญของ PTTGC ในการขยายการลงทุน Bio และ Green ที่จะสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

ส่วนของ กลยุทธ์ Step Up หรือการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ PTTGC สานต่อแนวทางการบูรณาการหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้กรอบของ ESG (Environmental – Social – Governance สิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล) พร้อมเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Target) ภายในปี 2593 แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) ทั้งในการศึกษาเรื่อง Carbon Capture Technology ผ่านการลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) และการศึกษาโอกาสในการนำไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ (Blue/Green Hydrogen) ไปใช้และพัฒนาโมเดลธุรกิจเพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจแห่งอนาคต

กลยุทธ์ Step Change เป็นแนวทางที่สำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และการรักษาฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างรอบด้านของ PTTGC โดยจะเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยง Value Chain ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด รวมถึงสามารถรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีมูลค่าสูงที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี นับเป็นการบริหารการลงทุนอย่างครบวงจรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ด้าน นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทฯ ว่า ภาพรวมในปีนี้คาดว่า ปริมาณขายจะเติบโต 10% จากปริมาณการขายในปี 2566 อยู่ที่ 13 ล้านตัน และมีรายได้จากการขาย 6.16 แสนล้านบาท โดยคาดว่า เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น กำลังการผลิตและความต้องใช้ปิโตรเคมีคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้

ขณะที่สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ของผลิตภัณฑ์ High Value & Low Carbon Business มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ในปี 2030 จากปัจจุบันสามารถทำได้แล้ว 20% โดยมี Allnex และ Bio Complex เป็นเรือธงยกระดับสร้างโอกาสการลงทุนในมาบตาพุด รองรับการขยายตัวการลงทุนและเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้