ผู้ชมทั้งหมด 2,269
“ไทยออยล์” คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 62-67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 66-71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังสหรัฐฯ ยุโรป เริ่มผ่อนปรนล็อกดาวน์
นักวิเคราะห์น้ำมันของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (10 – 14 พ.ค. 64) ว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองและล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา และเทศในยุโรป เนื่องจากมีความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ และยุโรป ค่อนข้างมาก ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ และยุโรปที่ปรับลดลง โดยสหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ในรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซี และคอนเนคติคัต ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
ขณะที่ยุโรป อยู่ระหว่างการหารือเพื่อเตรียมตัวเปิดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน 2564 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในรายงานฉบับเดือน เมษายน 2564 สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้เพิ่มขึ้นราว 0.23 ล้านบาร์เรลต่อวันจากรายงานเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ราว 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาปรับลดลงกว่า 8.0 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 485 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล หลังโรงกลั่นเพิ่มกำลังการกลั่นปรับสูงขึ้น 1.1% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ราว 4.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตามจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมีแนวโน้มกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมันในระยะสั้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันอันดับสามของโลก ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 300,000 รายต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ส่งผลให้อินเดียมีการขยายระยะเวลาการใช้มาตรการล็อคดาวน์ออกไปต่อเนื่องเพื่อพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา อาจจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หากจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงไม่ปรับลดลง
ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังกลุ่มผู้ผลิตคงมติที่จะทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค. จนถึงเดือน ก.ค. รวมทั้งสิ้นราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยกลุ่มผู้ผลิตจะทยอยปรับเพิ่มการผลิตในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ที่ระดับ 0.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนเดือน ก.ค. จะปรับการผลิตเพิ่มขึ้น 0.441 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย จะปรับการผลิตขึ้นราว 0.25 และ 0.35 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ตามลำดับ และจะเพิ่มขึ้นราว 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค.
นักวิเคราะห์ “ไทยออยล์” ยังให้จับตาการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและกลุ่มประเทศหลัก เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย และสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการสรุปออกมาเป็นข้อตกลงที่จะมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทั้งนี้หากมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากปริมาณการผลิตในปัจจุบันที่ประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน เมษายน 2564