ผู้ชมทั้งหมด 207
“สุริยะ” บินจีนสัปดาห์หน้า อัพเดทความคืบหน้าไฮสปีดไทย–จีน คาดเฟสแรก เปิดให้บริการ กรุงเทพฯ –นครราชสีมา ปี 71 พร้อมเร่งดันเฟส 2 นครราชสีมา – หนองคาย เชื่อมเส้นทางขนส่งสู่ลาว-จีน เปิดให้บริการปี 73
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 31 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 7 – 8 พฤษภาคม 2567 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงความก้าวหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย – จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร (กม.) โดยมีงานก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สัญญา จากทั้งหมด 14 สัญญา อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 10 สัญญา และรอลงนามสัญญาอีก 2 สัญญา
โดยรวมมีความก้าวหน้า ร้อยละ 32.31 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2571 และเร่งผลักดันโครงการฯ ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย สำหรับการเชื่อมต่อโครงการสู่ สปป.ลาว โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการใน ปี 73 และได้หารือถึงการพัฒนาสถานีรถไฟนาทา จังหวัดหนองคาย ให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน และได้เสนอให้ศึกษาแนวทางรูปแบบเดียวกับโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว สำหรับเป็นแนวทางโครงการก่อสร้างทางรถไฟและสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ในช่วงสถานีเวียงจันทน์ใต้ – สะพานข้ามแม่น้ำโขง – สถานีนาทา
ด้านการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีรถไฟและรถไฟความเร็วสูงจากต่างประเทศ ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (สทร.) ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางสำหรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ทดสอบและรับรองชิ้นส่วน รวมทั้งสนับสนุนศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟความเร็วสูงที่สถานีเชียงรากน้อย โดยอยู่ระหว่างจัดทำร่างบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ China State Railway Group Co., Ltd.
ทั้งนี้การประชุมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมของโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างสองประเทศ ยกระดับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค รวมทั้งเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างกัน ตลอดจนขยายเครือข่ายเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว เพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งและการเชื่อมโยงในภูมิภาคต่อไป