การใช้น้ำมันของประเทศรอบ 2 ด.ปี67 (ม.ค.-ก.พ.) หดตัว 4.1%

ผู้ชมทั้งหมด 753 

กรมธุรกิจพลังงาน เผยยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ รอบ 2 เดือนแรกปี 2567 (ม.ค.-ก.พ.) ลดลง 4.1% จากปีก่อน เหตุการใช้ดีเซล น้ำมันเตา NGV และLPG หดตัว

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 155.46 ล้านลิตร/วัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4.1 โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 ขณะที่น้ำมันเตา NGV น้ำมันกลุ่มดีเซล และ LPG มีการใช้ลดลงร้อยละ 23.9 ร้อยละ 15.9 ร้อยละ 9.3 และ ร้อยละ 2.7 ตามลำดับ   

การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 32.08 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.5  เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่อง ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 เรื่อง มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชน โดยลดราคาน้ำมันเบนซินทุกประเภท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 มกราคม 2567 แต่เมื่อพิจารณาจากเดือนก่อนปริมาณการใช้มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย อาจเนื่องมาจากปัจจัยด้านราคาซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของประชาชน โดยการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.99 ล้านลิตร/วัน ขณะที่แก๊สโซฮอล์ อี85 เบนซิน แก๊สโซฮอล์ อี20 และแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงมาอยู่ที่ 0.07 ล้านลิตร/วัน 0.44 ล้านลิตร/วัน 5.43 ล้านลิตร/วัน และ 17.80 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ 

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 70.18 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.3 โดยน้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 1.48 ล้านลิตร/วัน 0.40 ล้านลิตร/วัน และ 0.15 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ ขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.5 มาอยู่ที่ 68.14 ล้านลิตร/วัน และเมื่อพิจารณาจากช่วงเดือนที่ผ่านมาปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งยังคงอยู่ในระยะเวลาการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อช่วยค่าครองชีพประชาชน 

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 16.79 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.5 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ประกอบกับการสนับสนุนของรัฐบาล เช่น นโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานรวมระยะเวลา 5 เดือน (กันยายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567) รวมทั้งอินเดียและไต้หวันรวมระยะเวลา 6 เดือน (พฤศจิกายน 2566 – พฤษภาคม 2567) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางทางอากาศยานเพิ่มมากขึ้น

การใช้ LPG เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 16.67 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.7 โดยเป็นการลดลงของภาคปิโตรเคมี ร้อยละ 3.0 มาอยู่ที่ 6.43 ล้านกก./วัน ภาคครัวเรือนลดลงร้อยละ 3.2 มาอยู่ที่ 5.91 ล้านกก./วัน และภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 3.3 มาอยู่ที่ 2.01 ล้านกก./วัน ขณะที่การใช้ในภาคขนส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 มาอยู่ที่ 2.33 ล้านกก./วัน 

การใช้ NGV เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 2.96 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.9 ทั้งนี้ ปตท. มีมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาพลังงาน สำหรับรถแท๊กซี่ รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุกขยายระยะเวลาการช่วยเหลือราคา NGV สำหรับผู้มีบัตรสิทธิประโยชน์อยู่แล้ว และเปิดให้มีการสมัครบัตรสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม โดยสิทธิประโยชน์จะแตกต่างไปตามประเภทของรถ รวมทั้งช่วยเหลือราคาก๊าซ NGV ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยจำหน่ายก๊าซ NGV ที่ราคา 19.59 บาทต่อกิโลกรัมสำหรับรถทั่วไป

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,021,618 บาร์เรล/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.2 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 94,009 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 961,809 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 6.6 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 88,406 ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 59,809 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 37.7 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 5,604 ล้านบาท/เดือน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกอยู่ที่ 155,763 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 15,750 ล้านบาท/เดือน