“สมโภชน์” ประกาศชิง! เก้าอี้ประธาน ส.อ.ท. หวังเป็นฟันเฟืองช่วยรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ผู้ชมทั้งหมด 259 

สมโภชน์” ประกาศ! ชิงประธาน ... ลุย 4 ยุทธศาสตร์ เชิงรุก เป็นคนกลางระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับรัฐบาล หวังเป็นฟันเฟืองช่วยรัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ชี้กลุ่มสภาอุตทำงานต้องเป็นเอกภาพไปในทิศทางเดียวกัน  

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะเป็นสมาชิกและรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตนมีความพร้อมที่จะลงสมัครตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 ในวาระนี้ (ปี 2567-2569) ถือเป็นอุดมการณ์ที่ต้องการรับใช้ชาติในฐานะภาคเอกชน โดยจะนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานใน EA กว่า 16 ปี และประสบการณ์ที่ทำงานในฐานะสมาชิกและเป็นรองประธาน ส.อ.ท. ในระยะ 8 ปีมาช่วยยกระดับสมาชิกของกลุ่มสภาอุตสาหกรรม และเป็นฟันเฟืองในการช่วยประเทศชาติขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

การลงสมัครประธาน ส.อ.ท. ในครั้งนี้ตนไม่ได้ขัดแย้งกับใครในสภาอุสาหกรรม แต่การลงสมัครในครั้งนี้มาจากความตั้งใจที่จะเป็นจิตอาสาทำงานเพื่อสมาชิกสภาอุตสาหกรรม ส่วนกรณีที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. คนปัจจุบันที่จะหมดวาระแล้วจะต่ออีก 1 วาระ (2 ปี) คงรอไม่ได้เพราะตนมองว่าเศรษฐกิจประเทศไทยรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ภาระหนี้ครัวเรือน การลงทุนไม่เข้า ถ้ารออีก 2 ปี เปรียบเหมือนคนที่เป็นมะเร็งขั้นที่ 1 ก็อาจจะรอได้แต่ถ้าเป็นขั้นที่ 4 หากรอก็อาจจะแก้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นตนเชื่อมั่นใจในนโยบายและมีความพร้อมที่จะเป็นประธาน ส.อ.ท. คนต่อไป

โดยภายใต้การดำเนินงานของตนหากได้เป็นประธาน ส.อ.ท. ในอนาคตจะเห็นส.อ.ท.ทำงานเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการคือ 1.ทำงานเชิงรุกในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน 2.สร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 3.ประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า และ 4.นำเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ

“เรื่องนี้เป็นอุดมการณ์ที่ผมมีมาตั้งนานแล้วคืออยากสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ ผมเคยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจนกระทั่งปัจจุบันทำหน้าที่บริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอไอเดียที่มีเพื่อให้เกิด Impact มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า ส.อ.ท.คือแกนหลักของประเทศ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ในสถานการณ์ปัจจุบันเราไม่ควรอยู่ในสภาพตั้งรับควรอยู่ในเชิงรุก เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ต้องการรับการส่งเสริมสนับสนุนหรือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชื่อมกับภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการแล้วยังตอบสนองภาครัฐให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้”

นายสมโภชน์ กล่าวอีกว่า จะมีการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตต่อภาครัฐ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะต้องเตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในเวทีโลกทุกมิติ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทันกติการะดับสากล  ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) และการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)  ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน

“ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ผมในฐานะสมาชิกและเป็นรองประธาน ส.อ.ท. ทำงานด้วยจิตอาสาโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือรับประโยชน์ใดๆ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผมอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงขอเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเติบโต อีกทั้งสามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งก็ไม่เป็นไรก็พร้อมเป็นผู้ตาม คนเราถ้าได้เป็นผู้นำก็ต้องเป็นผู้นำที่ดี และต้องเป็นผู้ตามที่ดีได้”

นอกจากนี้ คนอื่นๆที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถก็สมัครตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมได้ เพื่อนำเสนอสิ่งดีๆให้แก่ภาพรวมของอุตสาหกรรม และผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯควรที่จะนำข้อเสนอไปขับเคลื่อนต่อให้เป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องสร้างความโปร่งใสในการทำงาน เป็นเวทีกลางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน และกระจายอำนาจให้แต่ละกลุ่มมาช่วยกันทำงาน  

“การทำงานในสภาอุตสาหกรรมก็เปรียบเสมือนการเล่นดนตรีเป็นวง ที่ผ่านมาทุกคนเล่นดนตรีเป็นแต่ไม่ได้เล่นเป็นวงเดียวกัน คือ การทำงานไม่เป็นเอกภาพไปในทิศทางเดียว ตนเข้ามาบริหารจะทำให้เป็นเอกภาพไปในทิศทางเดียวกันและต้องเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งการจะเป็นที่พึ่งของเอสเอ็มอีได้สภาอุตสาหกรรมก็ต้องเติบโตแข็งแกร่งจากภายใน และสามารถเป็นแขนขาให้กับรัฐบาล รับนโยบายรัฐบาลได้ที่สำคัญสามารถเป็นตัวแทนคุยนโยบายกับรัฐบาลใด้”

นายสมโภชน์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนภายหลังจากได้รับตำแหน่งจะเชิญสมาชิกจากทั่วทุกจังหวัดมาหารือร่วมกันก่อนว่าจะมีเรื่องใดที่เร่งด่วนที่จะต้องการให้มีการแก้ไขก่อนที่จะสรุปเสนอให้กับรัฐบาลต่อไป แต่ไม่ใช่เน้นเฉพาะเรื่องพลังงาน เพราะตอนนี้ไทยต้องเจอทั้งปัญหาเรื่องการลงทุนโดยตรง FDI ไม่เข้าประเทศและประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมาเป็นระยะเวลายาวนาน 6 ปีที่ผ่านมาต้องยกระดับรายได้ของประชนเพิ่มขึ้น