ผู้ชมทั้งหมด 560
“ราช กรุ๊ป” ทุ่มลงทุนปี2567 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท มั่นใจโรงไฟฟ้าหินกอง ชุดที่1 COD มี.ค.นี้ โชว์กำไรปี 2566 จำนวน 5,167 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติเงินปันผลจ่าย 3,480 ล้านบาท หุ้นละ 1.60 บาท กำหนดจ่าย 23 พ.ค.นี้
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดสรรงบลงทุน จำนวน 30,000 ล้านบาท สำหรับลงทุนโครงการใหม่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและนอกภาคผลิตไฟฟ้า และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตตามการถือหุ้นรวม 2,944.18 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและส่วนต่อขยาย โรงพยาบาล พริ้นซ์ มุกดาหาร และโครงการดำเนินงานและบำรุงรักษามอเตอร์เวย์สาย 6 และสาย 81 นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการบริหารประสิทธิภาพสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งโรงไฟฟ้าที่จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 โดยโรงไฟฟ้าหินกองชุดที่ 1 จะเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคมนี้
โดยการดำเนินงานในปี 2567 จะยังคงเน้น 5 ภารกิจหลัก ประกอบด้วย การลงทุนขยายธุรกิจ การพัฒนาและก่อสร้างโครงการที่ลงทุนแล้วให้สำเร็จภายใต้งบประมาณและเวลาที่กำหนดไว้ การบริหารสินทรัพย์ การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย และการพัฒนามาตรฐานด้านธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่า แนวทางดังกล่าวจะเสริมส่งบริษัทฯ ให้บรรลุเป้าหมายปี 2567 ทั้งด้านมูลค่าเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2566 ยังสะท้อนถึงความมั่นคงและแข็งแกร่งจาก EBITDA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2565 แม้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าได้ปรับตัวลดลงตามการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีปริมาณลดลงอันเป็นผลมาจากคำสั่งผลิตไฟฟ้าของลูกค้าและการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ โดยรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า มีจำนวน 48,275 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 95 ของรายได้รวมจำนวน 50,648 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและอื่นๆ มีจำนวน 2,373 ล้านบาท ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม ก็ปรับตัวลดลงร้อยละ 40 ซึ่งมาจากต้นทุนการขายและบริการเป็นหลัก สำหรับปี 2566 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67 ของกำไรปี 2566 โดยจะนำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 23 เมษายน 2567 และมีกำหนดจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม ศกนี้
“บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจ ในปี 2566 อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 5.14 ขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนต่อผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ สะท้อนจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการดำเนินงานของบริษัทฯ”
ขณะที่ ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 213,479 ล้านบาท หนี้สินรวม 106,346 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 107,133 ล้านบาท สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 0.99 เท่า
สำหรับเงินปันผลปี 2566 ที่กำหนดจะจ่ายหุ้นละ 1.60 บาทนั้น บริษัทฯ ดำเนินการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 (งวดเดือนมกราคม – มิถุนายน 2566) แล้วจำนวน 1,740 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 0.80 บาท เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 จึงคงเหลือเงินปันผลอีกจำนวน 1,740 ล้านบาท คิดเป็น 0.80 บาทต่อหุ้นที่จะดำเนินการจ่ายภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น