ผู้ชมทั้งหมด 1,338
BPP ไตรมาส3เตรียมปิดดีลโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ขนาดกำลังการผลิตกว่า 1,000 MW ระบุอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายโครงการ ทั้งในญี่ปุ่น จีน เวียดนาม ขณะที่ผลงานQ2แนวโน้มโดดเด่นรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโครงการ IGCC ในญี่ปุ่น คาดมีส่วนแบ่งกำไรปีละ 220-250 ล้านบาท
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า BPP ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทำดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าอยู่หลายโครงการ ทั้งในประเทศญี่ปุ่น จีน เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในสหรัฐฯ นั้นมีความคืบหน้ามากขึ้นคาดว่าจะมีความชัดเจนและปิดดีลได้ในช่วงไตรมาส 3/2564 ซึ่งโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ นั้นจะเป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และจะเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เข้าไปลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนามนั้นให้ความสนใจเข้าไปลงทุนโครงการพลังงานลม ส่วนประเทศจีนก็มีทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นก็อยู่ระหว่างการศึกษาลงทุน ทั้งพลังงานทดแทนที่เป็นโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม โดยโครงการโซลาร์ฟาร์มนั้นมีดีลเพิ่มเติมอยู่หลายโครงการ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีผสมผสานในการแปลงสถานะถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า (Integrated Gasification Combined Cycle: IGCC) ก็อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งก็มีโอกาสเข้าไปลงทุนเพิ่มในโครงการ IGCC ส่วนการลงทุนในประเทศไทยก็ต้องรอความชัดเจนด้านนโยบายของภาครัฐก่อน
“การลงทุนในญี่ปุ่นยังมีศักยภาพอีกเยอะทั้งพลังงานทดแทน และพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล จึงมองว่ายังเป็นประเทศที่ยังมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ ขณะเดียวกัน BPP ก็มีความเชี่ยวชาญดีในการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น เพราะได้ดำเนินการลงทุนในญี่ปุ่นมานานกว่า 5-6 ปี” นายกิรณกล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับการขยายการลงทุนซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในปีนี้บริษัทได้เตรียมเงินไว้ราว 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดใช้ไปแล้วประมาณ 80 ล้านเหรียญสหรัฐในการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) ณ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ขนาด 543 เมกะวัตต์ โดย BPP ได้ลงทุนผ่านบริษัท Nakoso IGCC Management Co., Ltd (NIMCO) ในสัดส่วนร้อยละ 33.5 ส่งผลให้ BPP มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 13.4 ในโรงไฟฟ้า Nakoso IGCC และมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 73 เมกะวัตต์ โดยจะมีส่วนแบ่งกำไรปีละประมาณ 220-230 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของ BPP