บอร์ด IRPC ไฟเขียวจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น 0.03 บาท สูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ผลงานไตรมาส 4 ติดลบ

ผู้ชมทั้งหมด 644 

IRPC ไฟเขียวจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น 0.03 บาทต่อหุ้น เร่งสร้างโอกาสทางธุรกิจจับมือพันธมิตรพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ปูทางต่อยอดธุรกิจ New s-curve ยกระดับสตาร์ทอัพและ SMEs ไทย ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ติดลบ หลังได้รับผลกระทบจากความผันผวนเศรษฐกิจ และปัจจัยลบจากทั่วโลก

นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และการเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากราคาพลังงาน อัตราดอกเบี้ยตลอดสถานการณ์ตลาดปิโตรเคมีที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้ IRPC ต้องเผชิญความท้าทายและปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพแข็งแกร่งยั่งยืน โดยปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 4/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 75,296 ล้านบาท ลดลง 1,968 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากราคาขายเฉลี่ยลดลงร้อยละ 4 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง

ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 2,719 ล้านบาท (4.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลงร้อยละ 49 และบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ (Net Inventory Loss) รวม 1,986 ล้านบาท หรือ 3.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 733 ล้านบาท (1.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลงร้อยละ 92 ส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA ติดลบ จำนวน 2,256 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 3,417 ล้านบาท

นายกฤษณ์  ยังกล่าวอีกว่า  ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 299,075 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับ ปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยลดลงร้อยละ 22 ตามราคาน้ำมันดิบที่ ปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยมี Market GIM อยู่ที่ 19,344 ล้านบาท (7.90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลงร้อยละ 19 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2566 ปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดยมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ เศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวตามตลาดคาดการณ์ ประกอบกับการล้มละลายของหลายธนาคารในสหรัฐฯ ยุโรปและจีน ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ซึ่งการลดลงของราคาน้ำมันดิบส่งผลให้บริษัทฯ บันทึก Net Inventory Loss รวม 1,123 ล้านบาท หรือ 0.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมี Accounting GIM จำนวน 18,221 ล้านบาท หรือ 7.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อน ทำให้บริษัทฯ มี EBITDA จำนวน 5,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,767 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 44 และผลประกอบการปี 2566 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 2,923 ล้านบาท น้อยกว่าปี 2565 ที่ร้อยละ 33

นายกฤษณ์ กล่าวว่า ในปี 2567 นี้  IRPC ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามยุทธศาสตร์พัฒนาต่อยอด นวัตกรรมทางวัสดุ และพลังงาน โดยยึดมั่นให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการความยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมภายใต้หลักธรรมาภิบาล หรือ ESG (Environment, Social and Governance) โดยเล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และร่วมพัฒนาส่งเสริมธุรกิจกลุ่มสตาร์ทอัพ ล่าสุด IRPC ได้เพิ่มทุนในบริษัท วิสอัพ จำกัด (VISUP) สนับสนุนการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ สตาร์ทอัพ (Startup) และนำงานวิจัยพัฒนาไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์  ซึ่งการเข้าเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้ IRPC ได้เข้าสู่ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) เพื่อเชื่อมต่อไปสู่ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) ที่มีศักยภาพ เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ New s-curve ของ IRPC สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ

นอกจากนั้น IRPC ยังร่วมมือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินโครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” ในการยกระดับการพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถการแข่งขันให้แก่สตาร์ทอัพ และ SMEs ไทยที่ต้องการนำนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาธุรกิจของตัวเอง ให้สามารถเติบโตได้ในประเทศและมีศักยภาพออกไปแข่งขันในสนามการค้ากับนานาชาติอื่นๆ ได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง

นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและคุณภาพน้ำมันดีเซล ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project หรือ UCF) มีความพร้อมผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 หรือน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำ ตามนโยบายของภาครัฐ เพื่อสร้างมูลค่าและรายได้เพิ่ม และบริษัทฯ ยังได้ดำเนินโครงการ  SOS ติดตามความผันผวนของปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขรับมือได้อย่างทันท่วงที

โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการเป็นไปตามแผนธุรกิจ โดยได้ดำเนินมาตรการต่างๆ ภายใต้โครงการ อาทิ การเปลี่ยนวิธีการบันทึกสำรองการด้อยค่าพัสดุคงคลัง (Spare Part) การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory) และการบริหารความเสี่ยงด้านราคาน้ำมัน (Hedging) ขณะเดียวกัน IRPC ก็ยังคงเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด และขยายกำลังการผลิตโครงการโซลาร์ลอยน้ำหรือ Floating Solar เพิ่มขึ้นอีก 8.5 เมกะวัตต์ พร้อมบูรณาการความยั่งยืนของธุรกิจ โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 20% ภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2603 ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานประจำปี 2566 ในอัตรา 0.03 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นเงินประมาณ 613 ล้านบาท โดยจะเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 5 เมษายน 2567 ต่อไป