“สุริยะ” ปักหมุดแลนด์บริดจ์ ประมูลไตรมาส 2/69 เปิดบริการปี 73

ผู้ชมทั้งหมด 560 

สุริยะ” ปักหมุดแลนด์บริดจ์ ประมูลไตรมาส 2/69 เปิดบริการปี 73 ให้เอกชนสัมปทาน 50 ปี ลั่นตั้งกองทุนเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ มั่นใจเกิดขึ้นภายในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน หลังได้กระแสตอบรับเพียบจากนักลงุทนต่างชาติ พร้อมลุยโชดโชว์ต่อที่จีน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม เปิดเผยความเดินหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ว่า ขณะนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางโครงการ ทั้งฝั่งจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร โดยจากการลงพื้นที่ก็ได้รับทราบข้อกังวลเกี่ยวกับที่ดิน เนื่องจากบางรายไม่มีเอกสารสิทธิ หากมีการเวนคืนที่ดินเมื่อมีการดำเนินโครงการแล้วจะได้รับการชดเชยอย่างไร หรือบางรายมีการใช้ที่ดินทำเกษตรกรรม เช่น การปลูกทุเรียน มีรายได้ปีละประมาณ 2 ล้านบาท เป็นต้น หากมีการเวนคืนที่ดินก็จะทำให้รายได้ส่วนนี้หายไป

นายสุริยะ กล่าวว่า เบื้องต้นโครงการดังกล่าวจะมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 5.2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเฉพาะในส่วนของการเวนคืนเท่านั้น ส่วนการก่อสร้างทั้งหมดจะเป็นการลงทุนจากภาคเอกชน ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะกำหนดเงี่ยนไขของการลงทุน โดยระบุให้เอกชนผู้ลงทุนต้องจัดตั้งกองทุนแลนด์บริดจ์ขึ้นมา เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปสำรวจพื้นที่ทั้งหมดที่ต้องใช้ดำเนินโครงการว่ามีเท่าไหร่ และมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กี่ครัวเรือน เพื่อจะได้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบได้อย่างทั่วถึง รวมถึงรวบรวมข้อห่วงใยของประชาชน เพื่อนำมาแก้ไขให้เกิดความสมบูรณ์มากขึ้น

“ขอให้มั่นใจว่าโครงการแลนด์บริจด์จะเกิดขึ้นภายในรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากการเดินสายโรดโชว์ประชาสัมพันธ์โครงการที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และสวิสเซอร์แลนด์ ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดั อีกทั้งยังได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตทางทหารของจีนให้ไทยรีบไปโรดโชว์โครงการฯ เพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนจาก บริษัท ดูไบ พอร์ต เวิลด์ ก็จะเดินทางมายังไทยเพื่อหารือรายละเอียดโครงการฯ และศึกษาดูงานในพื้นที่จริงด้วย” นายสุริยะ กล่าวและว่า กระทรวงคมนาคมจะรวบรวมข้อมูลและความเห็นทั้งหมดจากนักลงทุน เพื่อนำมาจัดทำเอกสารการประกวดราคา (TOR) ต่อไป

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า การพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ จะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2568-2583 โดยจะมีการคัดเลือกเอกชนในรูปแบบการประกวดราคานานาชาติ (International Bidding) สัญญาเดียว มีระยะเวลาสัญญาในการบริหาร 50 ปี ประกอบด้วย การพัฒนาท่าเรือ 2 ฝั่ง, ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) และทางรถไฟ ในส่วนของกลุ่มนักลงทุนนั้น จะต้องมีการรวมกลุ่มกันของทั้งผู้ประกอบการเดินเรือ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการท่าเรือ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนักลงทุนด้านอุตสาหกรรม ซึ่งกฎหมายใหม่จะถูกร่างขึ้น เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดสิทธิพิเศษให้กับนักลงทุน

ทั้งนี้ ภายใต้ระยะเวลาสัญญา 50 ปี จากการประเมิน พบว่า นักลงทุนจะได้รับผลประโยชน์ด้านการเงินไม่น้อยกว่า 10% โดยมีระยะเวลาคืนทุนที่ 24 ปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าว เป็นการประเมินจากรายได้จากการบริหารท่าเรือ และขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนมีการพัฒนาเพิ่มเติมจากการอุตสาหกรรม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยนั้น จะช่วยสร้างผลประโยชน์ด้านการเงิน และระยะเวลาคืนทุน จะดีกว่าการประเมินข้างต้นอย่างแน่นอน

ด้านนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ความสำคัญของโครงการแลนด์บริดจ์ คือ การเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติมาร่วมลงทุน โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนรับสัญญาสัมปทาน 50 ปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้เริ่มโรดโชว์ในต่างประเทศบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากนักลงทุนและสายการเดินเรือ ส่วนขั้นตอนดำเนินการหลังจากนี้ คาดว่าการโรดโชว์จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2567

หลังจากนั้นจะดำเนินการเสนอร่าง พ.ร.บ.เขตพิเศษภาคใต้ (SEC) ต่อสำนักงาน SEC ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 และดำเนินการออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 พร้อมเปิดประมูลได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2569 ส่วนการเวนคืนที่ดินจะดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2569 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2569 โดยจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2573