ผู้ชมทั้งหมด 314
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เตรียมยื่นเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติแผนเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) จำนนวน 9 แปลง หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ในปี 2567 กรมฯ ได้เตรียมการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) เพื่อส่งเสริมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งในประเทศ เบื้องต้นคาดว่า จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ภายในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ก่อนเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการประกาศเชิญชวนผู้ที่มีความสนใจในการลงทุน
อีกทั้ง ในปีนี้ กรมฯ ยังคงมุ่งมั่น ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วยการเร่งรัดการลงทุนและให้มีการผลิตก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่องของแหล่งในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและประสานความร่วมมือในการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแผนการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยี การดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCS/CCUS) ทั้งด้านเทคนิค กฎหมาย มาตรการเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน รวมทั้งความร่วมมือทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กรมเชื้อเพลิงฯ ระบุว่า การเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก ครั้งที่ 25 จะครอบคลุมพื้นที่ 9 แปลง คือ บริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แปลง และบริเวณพื้นที่ภาคกลางจำนวน 2 แปลง ซึ่งได้ประกาศราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2566
โดยพื้นที่สำรวจแบ่งได้ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แปลง รวมพื้นที่ 25,520 ตารางกิโลเมตร 2.ภาคกลาง 2 แปลง รวมพื้นที่ 7,924 ตารางกิโลเมตร
ขณะเดียวกัน กรมเชื้อเพลิงฯ ได้ดำเนินการศึกษารายละเอียดในเชิงลึกของพื้นที่ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อย่างต่อเนื่องถึงแนวทางในการเปิดสำรวจ โดยพื้นที่ปิโตรเลียมดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่อนุรักษ์ป่าไม้ และพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จึงได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน
อย่างไรก็ตาม การจะเปิดประมูลครั้งนี้อาจเลือกพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาก่อน เพื่อให้ไทยมีทรัพยากรมาบริหารจัดการ สร้างความต่อเนื่องในการจัดหาปิโตรเลียม ที่ปัจจุบันจะเริ่มมีปริมาณน้อยลง เพื่อให้เพิ่มขึ้นและเพิ่มรายได้ให้ภาครัฐ ทดแทนการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศได้ส่วนหนึ่ง เพราะราคาพลังงานนำเข้าจะสูงกว่ามาก ช่วยให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประเทศ และยังทำให้เกิดการจัดสรรรายได้แก่ท้องถิ่นด้วย