“พีระพันธุ์” ลั่นปี67 รื้อโครงสร้างพลังงาน วางเป้าลดราคาน้ำมัน-ไฟฟ้า ยั่งยืน

ผู้ชมทั้งหมด 4,028 

“พีระพันธุ์” เผย ปี2567 กระทรวงพลังงาน พร้อมเดินหน้ารื้อกฎหมายดูแลราคาน้ำมัน และไฟฟ้า สร้างความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เตรียมส่งเสริมประชาชนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ขนาดไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท นำลดหย่อนภาษี  

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2567 ว่า ในปี 2567 ได้เตรียมนโยบายสำคัญๆ โดยเฉพาะการ “รื้อ ลด ปลด สร้าง” ซึ่งจะมุ่งการแก้ไขระเบียบหรือกฎหมายที่ใช้มานาน ให้มีความเหมาะสม ทันสถานการณ์ โดยคำนึงถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง จะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ ให้ประชาชนใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสม เป็นธรรม และที่สำคัญ การดำเนินการจะวางรากฐานไว้ให้เกิดความยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย รวมทั้งประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานได้อย่างเท่าเทียม

“ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมจะทำงานตามนโยบายต่างๆ ที่ผมได้วางไว้ ซึ่งมาตรการไหนที่ทำได้ ผมก็จะทำทันที อย่างเช่นการลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ในช่วง 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา ส่วนมาตรการไหนที่ต้องใช้เวลา อย่างการแก้ไขกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างในปัจจุบันเตรียมยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับน้ำมันสำหรับเกษตรกรและกลุ่มประมงให้ได้ภายในสมัยประชุมสภาที่จะถึงนี้ รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่ผมย้ำเสมอ จะเร่งดำเนินการในปีนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยในส่วนของโซลาร์เซลล์ก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น รวมทั้งจะเข้าไปดูแลการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องและรองรับปริมาณของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และผมก็ขอขอบคุณข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันผลักดันมาตรการต่างๆ และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายช่วยเหลือประชาชนต่อไปในอนาคตด้วย”

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า แผนงานสำคัญของปี 2567 ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เช่น การบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอในราคาที่เป็นธรรม การส่งเสริมโซลาร์ภาคราชการและภาคประชาชน ส่วนด้านโครงสร้างราคาพลังงาน ก็จะดำเนินตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยการศึกษาและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิดให้เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งการเปิดเสรีในกิจการพลังงานเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ส่วนด้านส่งเสริมพลังงานสะอาด ก็จะส่งเสริมพลังงานชีวมวล ชีวภาพ พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม ให้มากขึ้น พร้อมไปกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการลดการปล่อย CO2 เพื่อให้ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ที่ผ่านมา ก็ได้ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งในส่วนของกระทรวงพลังงาน จะดำเนินการมาตรการลดฝุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวเมืองที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ 

นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ในปี 2567 กรมฯ ยังคงมุ่งมั่น ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วยการเร่งรัดการลงทุนและให้มีการผลิตก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่องของแหล่งในประทศ รวมทั้งส่งเสริมและประสานความร่วมมือในการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน กรมฯ ยังได้ เตรียมการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) ด้วย นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแผนการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยี การดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCS/CCUS) ทั้งด้านเทคนิค กฎหมาย มาตรการเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน รวมทั้งความร่วมมือทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ปี 2567 มีแผนจัดทำมาตรฐานติดตั้งทางไฟฟ้าและกำหนดกรอบการให้บริการติดตั้ง EV Charging Station รวมถึงการลงนาม MOU ระหว่าง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมแผนลดชนิดหัวจ่ายน้ำมันกลุ่มดีเซล ให้เหลือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐานชนิดเดียว (บี 7) เนื่องจากเป็นน้ำมันที่สามารถใช้กับรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 (น้ำมันทางเลือก) เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาระบบ e-Service เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน มีการพัฒนาระบบ Stockpile และ e-Fuelcard และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ e-Safety e-Trade และ e-License และระบบสำรองข้อมูลเพื่อรองรับการดำเนินงานในรูปแบบ e-Service รวมทั้ง มีแผนส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจใหม่ (New Business) ของผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ปี 2567 นั้น พพ. ยังคงเดินหน้าส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงพลังงานสะอาดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพแบบครบวงจรมากขึ้น อาทิ มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง  มาตรการบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO)สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับหน่วยงานรัฐ เป็นต้น

“ พพ.ได้หารือกับกรมสรรพากร เพื่อหามาตรการส่งเสริมให้ภาคประชาชนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง โดยสามารถนำค่าติดตั้งมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 2 แสนบาท  ขนาดไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ ระยะเวลา 3 ปี (2567-2569) คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้ารวมราวปีละ 90,000 ครัวเรือน ซึ่งรายละเอียดโครงการคาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้”

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า ปี2567 จะมีการทบทวนและปรับปรุงแผน ร่างแผนพลังงานชาติเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดย สนพ. ได้เร่งจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านพลังงาน พ.ศ. 2566–2580 (ร่างแผนพลังงานชาติ ) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ การลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ในภาคพลังงาน ภายในปี 2050 โดยร่างแผน NEP ประกอบด้วยแผนย่อย 5 แผนคือ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan)

และเสนอร่างแผนฯ ต่อ กพช. และ ครม. เพื่อพิจารณาและประกาศใช้ต่อไป นอกจากนี้แผนงานในปี 2567 ของ สนพ. ยังมีเรื่อง การนำเสนอแนวทางการเปิดเสรีในกิจการไฟฟ้า ซึ่งจะมีโครงสร้างกิจการไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในระยะทดลอง-นำร่อง พ.ศ. 2567 – 2568 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดกลไกการแข่งขันที่สะท้อนต้นทุนทางด้านราคาแทนการอุดหนุนทางด้านราคา และเปิดโอกาสให้มีธุรกิจใหม่ทางด้านพลังงานเกิดขึ้น และภาครัฐสามารถใช้เป็นกลไกให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero Carbon Emission ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย