ผู้ชมทั้งหมด 6,768
เปิดวิ่งฟรี 8 วัน มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี 27 ธ.ค. 66 – 3 ม.ค. 67 มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนเดินทางสะดวกรวดเร็ว ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีและภาคตะวันตก ลดระยะเวลาจากกว่า 1 ชั่วโมงเหลือเพียง 30 นาที
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ณ บริเวณด่านกาญจนบุรี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เป็นประธานเปิดทดลองใช้บริการทางหลวงพิเศษระหวางเมืองหมายเลข 81 (สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี) ช่วงด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก – ด่านกาญจนบุรี โดยมี นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล รองอธิบดีกรมทางหลวง พร้อมด้วย นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้อำนวยการกองทางหลวงระหว่างเมือง ผู้บริหารกรมทางหลวงและสื่อมวลชนเข้าร่วมด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง ได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่- กาญจนบุรี เพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้กับประชาชนในการเดินทางและขนส่งสินค้าจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไปสู่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดกาญจนบุรี และภาคตะวันตกของประเทศ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยบนเวทีโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ในการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “คมนาคมเพื่อความอุดมสุขของประชาชน”
โดยขณะนี้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 (สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี) พร้อมเปิดให้บริการในช่วงด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ตำบลวังตะกู อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ตัดกับทางหลวงหมายเลข 321 ที่ กม.6+200 จนถึง ด่านกาญจนบุรี ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ตัดกับทางหลวง หมายเลข 324 ที่ กม.8+400 ระยะเวลา 7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 27 ธันวาคม 2566 – 3 มกราคม 2567 โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน นับเป็นของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงคมนาคมมอบให้แด่พี่น้องประชาชน และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีและภาคตะวันตกได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามหากเดินทางด้วยเส้นทางดังกล่าวจะใช้เวลาเพียง 30 นาที เมื่อเปรียบเทียบกับ ทางหลวงแผ่นดินปกติ (ทล.4 และ ทล.323) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ทั้งนี้ บริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง จะมีการกั้นแนว Barrier ชั่วคราว ทั้ง 2 ทิศทาง เพื่อกั้นขอบเขตระหว่างพื้นที่ก่อสร้างภายในด่านฯ และพื้นที่ที่เปิดให้รถยนต์สัญจร รวมทั้งมีการจัดเจ้ารหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยด้วย
ด้าน นายปิยพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันกรมทางหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยการก่อสร้างงานโยธามีความก้าวหน้า ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 โดยรวมประมาณร้อยละ 95.96 ส่วนงานติดตั้งระบบ เช่น ระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบบริหารจัดการและควบคุมการจราจร เป็นต้น จะดำเนินการในรูปแบบ PPP ซึ่งกรมทางหลวงได้ลงนามสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โดยการร่วมลงทุนในครั้งนี้ แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ
ระยะที่ 1 งานออกแบบและก่อสร้างด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง พร้อมติดตั้งงานระบบ และองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะเป็นผู้ออกแบบและลงทุนก่อสร้างติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย งานก่อสร้างด่านและติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow งานระบบควบคุมและบริหารจัดการจราจรอัจฉริยะ งานระบบโครงข่ายสื่อสารใยแก้วนำแสง และระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าบนสายทาง งานอาคารศูนย์ควบคุม และอาคารสำนักงานต่างๆ โดยมีความก้าวหน้าเดือนพฤศจิกายน 2566 รวมร้อยละ 32.06
ระยะที่ 2 งานดำเนินงานบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางและบำรุงรักษาถนนและงานระบบทั้งหมด เป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่เปิดให้ประชาชน โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะทำหน้าที่จัดเก็บค่าผ่านทางและนำส่งรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมดให้แก่กรมทางหลวง บริหารจัดการและควบคุมการจราจร ซึ่งรวมถึงงานกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนซ่อมบำรุงรักษาถนนและงานระบบทั้งหมดของโครงการเป็นเวลา 30 ปี โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะได้รับค่าตอบแทนสำหรับค่าก่อสร้างงานระบบ และค่าตอบแทนสำหรับการดำเนินงานและบำรุงรักษา ทั้งนี้ ในส่วนการให้เอกชนร่วมลงทุนและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) กรมทางหลวงอยู่ระหว่างสรุปรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ และเริ่มการคัดเลือกการดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน
สำหรับรูปแบบโครงการเป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 4 ถึง 6 ช่องจราจร มีระยะทางรวม 96 กม. มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอนนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ด้านตะวันตก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จุดสิ้นสุดอยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 324 (ถนนกาญจนบุรี – อ.พนมทวน) ผ่าน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี โดยในแนวเส้นทางมีด่านเก็บค่าผ่านทาง 8 แห่ง ได้แก่ ด่านบางใหญ่ ด่านนครชัยศรี ด่านศรีษะทอง ด่านนครปฐมฝั่งตะวันออก ด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ด่านท่ามะกา ด่านท่าม่วง และด่านกาญจนบุรี มีที่พักริมทางและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับผู้ใช้ทาง จำนวน 3 ตำแหน่ง 6 แห่ง แบ่งออกเป็น สถานบริการทางหลวง จำนวน 2 ตำแหน่ง ที่ อ.นครชัยศรี และ อ.เมืองนครปฐม และสถานที่พักริมทาง จำนวน 1 ตำแหน่ง ที่ อ.ท่ามะกา
การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 บางใหญ่ – กาญจนบุรี และเปิดให้บริการ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นี้ จะช่วยแบ่งเบาปริมาณการจราจร ตั้งแต่ช่วงจังหวัดนครปฐม จนถึง จังหวัดกาญจนบุรี ได้ประมาณร้อยละ 20 หรือ 9,000 คันต่อวัน จากปริมาณจราจรบนถนนแสงชูโตช่วงปกติมีปริมาณการจราจรอยู่ที่ 35,000 คันต่อวัน และช่วงเทศกาลอยู่ที่ 45,000 คันต่อวัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกและช่วยลดระยะเวลาเดินทางให้แก่ประชาชนที่ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดกาญจนบุรีได้ ถือเป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงคมนาคมมอบให้ประชาชนเพื่อความอุดมสุขของคนไทย