ผู้ชมทั้งหมด 3,250
บางจากฯ ตั้งงบลงทุนปี 2567 ระดับ 50,000 ล้านบาท เน้นพลังงานสีเขียว เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าเป็น 7,770 Gwh คาดรายได้จากการขายน้ำมัน แตะ 5 แสนล้านบาท มั่นใจ EBITDA เข้าเป้า 1 แสนล้านบาท ในปี2573
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท เตรียมใช้งบลงทุนในปี 2567 ที่ระดับ 50,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียวเป็นหลัก ซึ่งตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า อยู่ที่ 7,770 กิกะวัตต์-ชั่วโมง(Gwh) จากปีนี้ อยู่ที่ 3,700 กิกะวัตต์-ชั่วโมง(Gwh)
ขณะที่ปีหน้ารายได้จากการขายน้ำมัน จะแตะระดับ 500,000 ล้านบาท จากปีนี้ อยู่ที่ระดับ 360,000 ล้านบาท ตามการรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเต็มปี หลังจากบางจากฯ ได้เข้าซื้อกิจการของเอสโซ่ฯ
“บริษัท มั่นใจในปี 2573 จะมี EBITDA แตะระดับ 100,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย จากปัจจุบันทำได้แล้วระดับ 40,000-50,000 ล้านบาท โดยปี 2567-2573 จะใช้เงินลงทุนขับเคลื่อนธุรกิจระดับ 150,000 ล้านบาท”
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนธุรกิจและเป้าหมายสำคัญในปี 2567 ในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ดังนี้
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง ตั้งเป้าหมายอัตราการกลั่นน้ำมันดิบ (รวม 266,000 บาร์เรลต่อวัน) โดยโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง ซึ่งได้รับการยอมรับถึงคุณภาพระดับโลกได้มีการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพต่อเนื่อง มีต้นทุนการกลั่นต่ำที่ประมาณ 1.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลและใช้พลังงานในกระบวนการกลั่นอย่างมีประสิทธิภาพตั้งเป้าดัชนีชี้วัดการใช้พลังงานสากลที่ 1st Quartile และมีแผนขยายระยะเวลาของรอบการหยุดซ่อมบำรุงจาก 2 ปี เป็น 4 ปี ทั้งยังมีการศึกษาเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาโรงกลั่นมุ่งสู่การเป็นโรงกลั่นชีวภาพ (Bio-refinery) ซึ่งผลิตน้ำมัน Biofuel 2nd Generation ที่มีคุณสมบัติ Drop-in เทียบเท่ากับน้ำมันฟอสซิล โดยมีเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) เป็นผลิตภัณฑ์แรก
ขณะเดียวกันจะนำความสำเร็จจากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงมาใช้กับโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและการผสานประโยชน์ร่วมกัน โดยตั้งเป้าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบ สำหรับโรงกลั่นบางจาก ศรีราชาในปี 2567 ที่ 155,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ดำเนินการมา
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันของบางจากฯ มีการดำเนินธุรกิจครบวงจรใน value chain ด้วยธุรกิจจัดหาน้ำมันดิบผ่านบริษัท บีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) ในประเทศสิงคโปร์ ธุรกิจบริหารการขนส่งเชื้อเพลิงทางรถและเรือทางท่อและโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ผ่านบริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) และธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF) และ ล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัท รีไฟเนอร์รี่ ออฟติไมซ์เซชั่น แอนด์ ซินเนอร์ยี่ เอนเตอร์ไพรส์ (ROSE) เพื่อจัดทำแผนและบริหารงานธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 2 แห่ง ให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนให้กับบางจากฯ ต่อไป
กลุ่มธุรกิจการตลาด มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สถานีบริการบางจากเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย ตั้งเป้าขยายเครือข่ายสถานีบริการจาก 2,221 สถานี ณ สิ้นปี 2566 เป็นมากกว่า 2,500 สถานีในปี 2573 ซึ่งรวมถึงสถานีบริการในรูปแบบ Unique Design ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยกลุ่มธุรกิจการตลาด จะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั้ง Premium 97 และ Premium Diesel รวมถึงตั้งเป้าในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าผ่านการขยายธุรกิจ non-oil เช่น การขยายร้านอินทนิลเพิ่มขึ้นปีละ 140 สาขา เป็น 2,000 สาขาในปี 2573 ตลอดจนเพิ่มแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เพื่อความหลากหลาย และการเพิ่มร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านค้าพันธมิตรที่มีศักยภาพในสถานีบริการบางจากให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงตั้งเป้าในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นให้แบรนด์ FURiO
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจการตลาดยังให้ความสำคัญกับปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์บางจากที่สถานีบริการเป็น “ใบไม้ใบใหม่” และการผสาน 2 แบรนด์เข้าสู่แบรนด์บางจากอย่างราบรื่น ปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์และเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ “เอสโซ่” เป็น “บางจาก” ด้วยแนวคิด “Your Greenovative Destination for Intergeneration” จุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย โดยนำปรัชญาความเสมอภาคและการเข้าถึงทางกายภาพมาใช้อย่างทั่วถึง ซึ่งทั้งหมดจะให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2567
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่ง และความเติบโตของธุรกิจหลัก (Core Business) คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าหมายปี 2567 ปริมาณการผลิตไฟฟ้า (กิกะวัตต์-ชั่วโมง) เติบโตกว่าเท่าตัว พร้อมมุ่งเน้นธุรกิจที่เป็น New S Curve อาทิ ธุรกิจกักเก็บพลังงานทั้งสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและสำหรับโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว และธุรกิจการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ
บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายปริมาณจำหน่ายปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปี 2566 เป็น 560 ล้านลิตร มุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจหลักจากการขยายเครือข่าย และเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
โดยร่วมกับบางจากฯ ในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงเชิงพาณิชย์ที่ร่วมทุนกับ Fermbox Bio จากสหรัฐอเมริกา โดยในระยะแรกจะผลิตเอนไซม์ ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 200,000 ลิตรในปี 2567 และเพิ่มเป็นมากกว่า 1 ล้านลิตรในปี 2570 และขยายการผลิตไปยังผลิตภัณฑ์ด้านชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) อื่น ๆ
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ มุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านการขยายธุรกิจ โดยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมตั้งเป้าหมายเติบโตร้อยละ 74 มีกำลังการผลิตปิโตรเลียม 40,000 boepd (บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) ในปี 2567 และมีเป้าหมายกำลังการผลิตมากกว่า 100,000 boepd ภายในปี พ.ศ. 2573 จากการดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมในประเทศของนอร์เวย์ผ่านบริษัทฯ OKEA ASA รวมถึงการแสวงหาการเติบโตในธุรกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งใหม่ ๆ ในทวีปอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ