“สุริยะ” ย้ำยุคนี้ต้องปลอดส่วยสติกเกอร์ทางหลวง เร่งแก้กฎหมายโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 100,000 – 200,000 บาท

ผู้ชมทั้งหมด 927 

สุริยะ” ย้ำยุคนี้ต้องปลอดส่วยสติกเกอร์ทางหลวง ด้านคมนาคมเดินหน้าแก้ไขปัญหารถบรรทุก น้ำหนักเกินอย่างเข้มงวด เร่งแก้กฎหมายให้มีโทษปรับในอัตราสูงสุดไม่เกิน 100,000 – 200,000 บาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการการดำเนินงานแก้ไขปัญหาปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด รวมถึงแก้ไขปัญหาส่วยสติกเกอร์ทางหลวง

โดยการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินในครั้งนี้เป็นเครือข่ายของรถบรรทุกรายใหญ่ หรือที่รู้จักกันในนาม “ลูกพญาแล“ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลของกลุ่มรถบรรทุก ที่ส่อเค้าเลี่ยงกฎหมาย และก่อนนี้ไม่มีหน่วยงานใดกล้าจับกุม แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้การกำกับดูแลของ “คมนาคม” ที่ดำรงไว้ซึ่งคุณธรรม และดำเนินงานด้วยความสุจริต พร้อมที่จะแก้ไขทุกปัญหาที่เกิดขึ้นโดยทันที

นายสุริยะ กล่าวว่า ขอชื่นชมหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม บช.ก. บก.ทล. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บุคลากร และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม จะต้องไม่มีการทุจริต หรือมีส่วยสติกเกอร์ทางหลวงเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด พร้อมขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำชับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมดำเนินงานทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต รวมถึงต้องสร้างความมั่นใจ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในทุกมิติ

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินหลังจากนี้จะเร่งปรับแก้ไขกฎหมายให้มีโทษปรับในอัตราสูงสุดไม่เกิน 100,000 – 200,000 บาท แล้วแต่กรณีการกระทำความผิด จากเดิมมีโทษปรับในอัตราสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนกรณีเพิ่มโทษจำคุกนั้น ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) ศึกษาผลดีผลเสีย รวมทั้งให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ประกอบการรถบรรทุกด้วย เมื่อผลศึกษาแล้วเสร็จจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปีหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม จากการรายงานของ บก.ทล. ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ได้ดำเนินการจับกุมตัวนายกิติศักดิ์ แสงดำ อายุ 24 ปี ผู้กระทำความผิดในคดีการใช้ยานพาหนะน้ำหนักเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเดินบนทางหลวง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ทางหลวง พ.ศ. 2535 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2549) มาตรา 61 โดยจากการจับกุม พบว่า นายกิติศักดิ์ได้ขับรถยนต์กระบะบรรทุก ยี่ห้อ ISUZU หมายเลขทะเบียน 53-1367 กรุงเทพมหานคร ชนิด 3 เพลา 6 ล้อ ใช้ยาง 10 เส้น และรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 53-1368 กรุงเทพมหานคร ชนิด 3 เพลา 6 ล้อ ใช้ยาง 12 เส้น บรรทุกดิน จำนวน 1 คัน

สำหรับการจับกุมในครั้งดังกล่าว ได้จับกุมที่แยกสันติสุข ทล.346 (ถนนรังสิต – ปทุมธานี) ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยนายกิติศักดิ์ได้นำรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวมาตรวจสอบที่ชั่งน้ำหนักที่ตาชั่งน้ำหนัก จังหวัดปทุมธานี ปรากฎว่า ชั่งได้น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุก 73,670 กิโลกรัม (กก.) ซึ่งพิกัดน้ำหนักตามกฎหมายรถประเภทนี้กำหนดไว้ที่ 50,500 กก. จึงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด จำนวน 23,170 กก. และได้ร่วมกันดำเนินการจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ภ.จว.ปทุมธานี ดำเนินคดี