ผู้ชมทั้งหมด 6,306
“พีระพันธุ์” นำเสนอการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการลดต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนของกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีพลังงาน
วันนี้ (4 ธันวาคม 2566) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมการประชุม ครม. สัญจร ณ โรงแรมณัฐพงษ์ จังหวัดหนองบัวลำภู โดยก่อนการเข้าร่วมการประชุมได้เยี่ยมชมและนำเสนอนิทรรศการด้านพลังงานและผลิตภัณฑ์ชุมชนต่อนายกรัฐมนตรี
นายพีระพันธุ์ ได้นำเสนอเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการลดรายจ่ายให้แก่กลุ่มเกษตรกรในการนำแผง โซลาเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไปใช้กับเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่ต้องการน้ำในภาคเกษตรกร โดยเฉพาะในฤดูแล้ง ทั้งระบบสูบน้ำจากบ่อบาดาลและการสูบน้ำจากแหล่งน้ำ ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายน้ำมันดีเซลได้ค่อนข้างมาก นอกจากนั้น ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชนที่นำเทคโนโลยีด้านพลังงาน มาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้นั้นสามารถลดระยะเวลาในการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความสะอาด ผ่านมาตรฐานจนได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ชุมชนดีเด่น
โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาเสนอในการประชุม ครม. สัญจรในครั้งนี้ประกอบด้วย เมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟกระชายดำ และชาใบพืชปาล์มจากจังหวัดเลย กล้วยติดหนึบจากจังหวัดพิจิตร ข้าวฮางงอกจากจังหวัดหนองคาย
“หลังจากที่ ผมได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป้าหมายสำคัญนอกจากการลดรายจ่ายด้านพลังงานทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนทั่วไปแล้ว ผมยังต้องการให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรสามารถนำเทคโนโลยีพลังงานมาใช้ ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานก็ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีพลังงาน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซล่าเซลล์ในการสูบน้ำ รวมทั้งเทคโนโลยีโรงอบแห้งที่ใช้อบผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งนอกจากจะลดรายจ่ายค่าเชื้อเพลิงซึ่งต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ได้ยังมีความสะอาดได้มาตรฐาน จนหลายผลิตภัณฑ์ได้รับรางวัล OTOP และ ไทยเด็ด นับจากนี้ผมจะพยายามเร่งดำเนินการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการสำรวจความต้องการของเกษตรกรผ่านพลังงานจังหวัด คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้โดยเร็ว”