ผู้ชมทั้งหมด 466
กพท. ชี้จีนคืนสลอตการบินกว่า 40% เป็นเรื่องปกติ AOT ยันไม่กระทบเป้าผู้โดยสาร มั่นใจปี 67 ภาพรวมการเดินทางใช้สนามบิน 6 แห่งยังโต 120 ล้านคน
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจีนคืนการจัดสรรเวลาการบิน (สลอต) กว่า 40% ที่บินเข้าไทยถือเป็นเรื่องปกติและเป็นไปตามกฎระเบียบที่ปฎิบัติอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่สายการบินจากจีนเท่านั้น ยังมีสายการบินจากประเทศอื่นๆ ที่มีการคืนสลอตการบิน เพียงแต่จีนเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ของไทย เนื่องจากข้อกำหนดของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ระบุไว้ว่าเมื่อมีการจองสลอตแล้ว หากจะขอยกเลิกต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนที่จะมีการยืนยันเที่ยวบิน หากไม่มีการแจ้งจะถือว่าประสงค์ทำการบิน แต่หากไม่ทำการบินจะถูกตัดสิทธิ์ และยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่การยกเลิกเที่ยวบิน (ไฟล์ท) เป็นเพียงการคืนสิทธิการบินตามกฎของกพท. เท่านั้น
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า กพท. ได้มีการจัดสลอตในเดือนธันวาคม 2566-มกราคม 2567 ไว้ให้ 21,923 เที่ยวบิน ในจำนวนนี้มีการบินจริง 13,278 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เดือนธันวาคม 2566 สำหรับ 6 สนามบิน ของทอท. อยู่ที่ 10,939 เที่ยวบิน แต่ในจำนวนนี้มีการคืนสลอตทำให้มีการบินจริงอยู่ที่ 5,858 เที่ยวบิน ส่วนการจัดสรรสลอตในเดือนมกราคม 2567 มีการจัดสรรสลอตให้อยู่ที่ 10,984 เที่ยวบิน ในจำนวนนี้มีการคืนสลอตเช่นกันทำให้มีการบินจริงอยู่ที่ 7,420 เที่ยวบิน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการยกเลิกเที่ยวบิน กับการคืนสลอตการบินแตกต่างกัน กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการคืนสลอตการบินซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะสายการบินที่ทำการบินเดิมจะมีการขอสลอตการบินเข้ามาเพื่อเป็นการรักษาสิทธิการบิน แต่สถานการณ์ปัจจุบัน การเติบโตนักท่องเที่ยวจีนยังไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งมาหลายจากปัจจัย ทั้ง เศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นกลับมาเท่าที่ควร อากาศยานที่มีการหยุดใช้งานช่วงโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกแย่งใช้บริการศูนย์ซ่อมอากาศยาน รวมถึงบุคลากรการบินที่ขาดแคลน เมื่อตลาดไม่โตตามที่คาดการณ์ สายการบินจึงขอสลอตการบินคืน จึงไม่ได้มีนัยยะสำคัญ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากจำนวนสลอตที่ว่างจากสิทธิ์การบินที่มีอยู่นั้น ปัจจุบันมีสายการบินอื่นสัญชาติอื่นๆ ที่ต้องการตารางการบินเพิ่มเติม ยื่นขอใช้สลอตเข้ามาที่ กพท.แล้ว อาทิ ประเทศฝั่งยุโรป และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ต้องการเที่ยวบินแบบบินตรงมายังไทย โดยที่ไม่ต้องต่อเครื่อง แต่ก็ยังมีปริมาณไม่มีมากพอที่จะเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนได้ แต่หลังจากนี้ก็เริ่มมีตลาดใหม่ๆ บินเข้ามาไทยมากขึ้นแล้ว อาทิ คาซัคสถาน และรัสเซีย เป็นต้น
นอกจากนี้ ปริมาณผู้โดยสารรายสัญชาติ ณ ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. เมื่อปีงบประมาณ 2566 (เดือนตุลาคม 2565-กันยายน 2566) พบว่าผู้โดยสารชาวจีนยังคงมีจำนวนสูงสุดเมื่อเทียบกับสัญชาติอื่น โดยมีจำนวน 5.33 ล้านคน รองลงมาคือ สัญชาติอินเดียจำนวน 3.26 ล้านคน เกาหลีใต้จำนวน 3.07 ล้านคน มาเลเซียจำนวน 2.21 ล้านคน และรัสเซียจำนวน 2.2 ล้านคน
ด้าน นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOTกล่าวว่า ยืนยันว่านักท่องเที่ยวจีนยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นไม่ได้หายไป แต่ปัจจุบันจีนยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยปี 2566 ส่วนแบ่งผู้โดยสารจีนอยู่ที่ 12.9% ของปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศทั้งหมด ส่วนปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ 15-16% และยืนยันว่าการคืนสลอตของสายการบินจีนไม่กระทบกับประมาณการปริมาณผู้โดยสารในช่วงตารางบินฤดูหนาว ประจำปี 2567 หรือระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 – มีนาคม 2567 ที่คาดว่าปริมาณผู้โดยสารยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ประมาณ 119.78 ล้านคน หรือประมาณ 120 ล้านคน