BCPG กางแผนลงทุน 7 ปี อัดงบ 5 หมื่นล้าน ตั้งเป้ากำไรเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท

ผู้ชมทั้งหมด 1,207 

BCPG กางแผนลงทุน 7 ปี 5 หมื่นล้าน ตั้งเป้ากำไรเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท ขณะปี 67 อัดงบลงทุน 1.4 หมื่นล้าน ลุยซื้อกิจการดัน EBITDA โต 30% ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มเติบโตสูง หลังบุ๊ครายได้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาว โรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยกับสื่อมวลชน ในงานแถลงข่าว “BCPG Way Forward 2024” ว่า ในปี 2573 หรือ อีก 7 ปีข้างหน้า BCPG (ระหว่างปี 2567-2573) คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว  50,000 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในโครงการใหม่ และพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่ในมือ โดยการเดินหน้าตามกรอบกลยุทธ์ เน้นการเติบโตในธุรกิจหลัก ลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง ต่อยอดธุรกิจที่เป็น New S Curve พร้อมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าภายในปี 2573 กำไรสุทธิทะลุ 3,000 ล้านบาท ดันกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เป็น 2,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตที่ COD แล้วราว 1,249 เมกะวัตต์

ส่วนในปี 2567 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนรวม 14,000 ล้านบาท โดยกว่าร้อยละ 60 หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่อยู่ในพอร์ตให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งยังจัดสรรงบประมาณอีกกว่าร้อยละ 40 หรือ ประมาณ 6,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ โดยจะเน้นการซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งทิศทางการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งและความเติบโตของธุรกิจหลัก (Core Business) โดยในปี 2567 บริษัทฯ คาดว่า EBITDA จะเติบโตร้อยละ 30

อย่างไรก็ตามการขยายการลงทุนในปี 2567 จะเน้นลงทุนในประเทศที่ลงทุนอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็น สปป.ลาว เวียดนาม ฟิลิปินส์ ไตหวัน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยก็อยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อกิจการในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง แล้วนำมาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า เช่น การลงทุนเปลี่ยนแผงโซลาร์เซลล์ที่มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้า

“ในการลงทุนทุกครั้ง บริษัทฯ คำนึงถึงสัดส่วนการลงทุนที่มีความสมดุลย์ หรือ การ balance portfolio ที่เหมาะสม ในปีหน้าเราเน้นลงทุนใหม่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่บริษัทฯ มีฟุตพริ้นท์อยู่แล้ว และเป็นประเทศที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อีกทั้งยังศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าสู่ธุรกิจที่เป็น New S Curve อาทิ ธุรกิจกักเก็บพลังงานทั้งสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและสำหรับโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว และธุรกิจการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ” นายนิวัติกล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/66 คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งสิ้น 4 โครงการในสหรัฐฯ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแครอล เคาน์ตี้ เอนเนอร์ยี่ และ เซาท์ ฟิลด์ เอนเนอร์ยี่ ในรัฐโอไฮโอ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ และ ฮามิลตั้น เพทรีออต  ในรัฐเพนซิลเวเนีย คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วน รวมทั้งสิ้น 857 เมกะวัตต์ รวมทั้งการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว