“พีระพันธุ์” ย้ำพลังงาน ต้องมั่นคง เป็นธรรม ยั่งยืน พร้อมเดินหน้าไม่หยุด ทำงานเพื่อประชาชน

ผู้ชมทั้งหมด 12,021 

พีระพันธุ์” ชี้แจงนโยบายด้านพลังงาน เร่งปรับโครงสร้างด้านพลังงานในทุกมิติ พร้อมดำเนินการวางแผนเพื่อปรับภารกิจ สร้างมาตรฐานใหม่ให้การกำกับดูแลด้านพลังงาน เน้นประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้สามารถเข้าถึงพลังงานอย่าง มั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืน

วันนี้ (18 ตุลาคม 2566) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูง เข้าร่วมกิจกรรม โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้กล่าวว่า พลังงานเป็นเรื่องสำคัญในการดำรงชีวิต ซึ่งหน้าที่ที่สำคัญของกระทรวงพลังงานคือการสร้างความมั่นคง ให้ประชาชนทุกระดับมีพลังงานใช้ ในราคาที่เป็นธรรม เหมาะสม โดยจะเน้นประชาชนเป็นหลัก แต่ก็จะไม่ให้ผู้ที่ดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบหรือได้รับผลประโยชน์มากเกินไป ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานอาจถูกมองว่าเป็นกระทรวงที่ดำเนินนโยบายเอื้อกลุ่มทุน แต่ด้วยกฎหมายที่อาจจะไม่ได้มีการแก้ไขมานาน จึงทำให้อำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติงานอาจจะไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น การปรับแก้กฎหมายต่างๆ ก็จะเป็นทางออกที่ช่วยให้เกิดการปรับโครงสร้างด้านพลังงาน  

นอกจากนั้น ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านพลังงานก้าวหน้าค่อนข้างมาก คนไทยสามารถผลิตพลังงานได้ด้วยตนเองในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหากกระทรวงพลังงานให้การสนับสนุน ก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เชื่อมโยงกับประชาชน ก็จะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงาน ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ ก็จะสามารถลดการนำเข้าพลังงานของประเทศได้ด้วย

ส่วนนโยบายรัฐบาลซึ่งนำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้วางนโยบายไว้ทั้ง 3 ระดับ โดยระยะสั้นคือการลดค่าใข้จ่ายด้านพลังงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจากที่ผ่านมา หลังจากรับตำแหน่งได้เพียง 1 เดือน ก็ได้ดำเนินนโยบายจนสามารถลดค่าไฟฟ้าให้เหลือ 3.99 บาท และใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท ส่วนในระยะกลางคือการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบาย และในระยะยาวคือการปรับโครงสร้างเพื่อให้การดำเนินนโยบายหลังจากเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้ว กระทรวงพลังงานก็ยังสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน แม้กระทรวงพลังงานจะเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณแผ่นดินน้อยที่สุด 

ส่วนการลดราคาน้ำมันเบนซินที่เป็นกระแสข่าวนั้น ก็เพื่อต้องการให้เกิดความยุติธรรมกับประชาชนทุกกลุ่ม เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า หลังจากที่ผ่านมามีการช่วยเหลือแต่กลุ่มผู้ใช้น้ำมันดีเซล อย่างไรก็ดี เรื่องราคาน้ำมันจะต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยจากต้นทาง เช่น ราคาในตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีความผันผวนเนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ส่วนปลายทางก็คือค่าการกลั่น ค่าการตลาด ที่จะต้องมีการตรวจสอบให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนการค้าเสรีน้ำมันที่เคยให้ข่าวไปนั้น หมายถึงหน่วยงานที่ใช้น้ำมันอย่างกลุ่มขนส่ง ซึ่งต้นทุนสำคัญคือราคาน้ำมัน หากสามารถนำเข้าน้ำมันได้เอง ก็จะสามารถลดต้นทุนได้ ก็จะลดค่าใช้จ่าย ลดราคาสินค้าให้แก่ประชาชนได้ด้วย นอกจากนั้น ยังเตรียมนโยบายเกี่ยวกับน้ำมันสำหรับเกษตรกร เช่นเดียวกับที่มีให้กับกลุ่มชาวประมง  

“ผมจะเร่งดำเนินทุกมาตรการ เพื่อ เร่ง ลด ปลด สร้าง นโยบาย มาตรการ กฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน ซึ่งจะเน้นปรับโครงสร้างด้านพลังงาน โดยเฉพาะค่าน้ำมัน จะเข้าไปรื้อโครงสร้างราคาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้มีการตั้งราคาน้ำมันที่เหมาะสม และอาจมีการลดชนิดน้ำมันในอนาคต รวมทั้งนำนโยบายรัฐบาลทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว มาดำเนินการ ผมเชื่อว่า ผู้บริหารกระทรวงพลังงานทุกท่านมีความรู้ความสามารถ แต่ที่ผ่านมาอาจจะติดเรื่องอุปสรรคในข้อกฎหมาย ซึ่งผมจะเข้ามาแก้ไขหรือจะออกกฎหมายใหม่ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด” นายพีระพันธุ์ กล่าว