ผู้ชมทั้งหมด 13,063
กรมการขนส่งทางราง เผยมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท วันแรกมีประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้นทะลุเป้าเกือบร้อยละ 10 เร่งดำเนินการระบบเก็บเงินเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย คาดเปิดใช้ พ.ย. นี้
ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า ภายหลังจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการในการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เป็นการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับประชาชน ลดภาวะมลพิษ และลดการใช้พลังงานภายในประเทศ อีกทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในระดับมหภาคจากการเพิ่มการเดินทางของประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เท่าเทียมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ
โดยเมื่อวาน (วันอังคารที่ 17 ต.ค. 2566) สายสีแดงและสายสีม่วงใช้มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสายตามนโยบายรัฐบาลแบบทั้งวันเป็นวันแรกมีผู้ใช้บริการระบบรางรวมทั้งสิ้น 1,566,998 คน-เที่ยว แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการเดินรถไฟ 213 ขบวน มีผู้ใช้บริการรวม 71,222 คน-เที่ยว แบ่งเป็นขบวนรถเชิงพาณิชย์ 25,050 คน-เที่ยว และขบวนรถเชิงสังคม 46,172 คน-เที่ยว
รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 1,495,776 คน-เที่ยว ประกอบด้วย รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 223 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 8 เที่ยววิ่ง) จำนวน 69,285 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าสายสีแดง ให้บริการ 294 เที่ยววิ่ง จำนวน 27,411 คน-เที่ยว (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลใช้บริการสายสีแดงฟรี 254 คน-เที่ยว) รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ให้บริการ 319 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 3 เที่ยววิ่ง) จำนวน 73,878 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ให้บริการ 487 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 24 เที่ยววิ่ง) จำนวน 497,319 คน-เที่ยว รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 1,264 เที่ยววิ่ง จำนวน 785,605 คน-เที่ยว รถไฟฟ้า BTS สายสีทอง ให้บริการ 219 เที่ยววิ่ง จำนวน 5,240 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าสายสีเหลืองให้บริการ 276 เที่ยววิ่ง จำนวน 37,038 คน-เที่ยว
ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้น พบว่า ภายหลังจากดำเนินตามมาตรการอัตราค่าโดยสารสายสีแดงและสายม่วงสูงสุด 20 บาทแบบตลอดทั้งวันเป็นวันแรกในวันที่ 17 ตุลาคม 2566 มีประชาชนมาใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) จำนวน 27,411 คน-เที่ยว (รวมรถไฟทางไกลต่อสายสีแดง 254 คน-เที่ยว) และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) จำนวน 73,878 คน-เที่ยว โดยเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันทำงานช่วงวันที่ 2-12 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาก่อนมีมาตรการฯ พบว่า สายสีแดงเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 2,135 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.45 (ค่าเฉลี่ยสายสีแดง 25,276 คน-เที่ยว) และสายสีม่วงเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 3,138 คน-เที่ยวหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.44 (ค่าเฉลี่ยสายสีม่วง 70,740 คน-เที่ยว) นอกจากนี้ ยังพบว่า มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) จำนวน 497,319 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 26,973 คน-เที่ยวหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.73 (ค่าเฉลี่ยสายสีน้ำเงิน 470,346 คน-เที่ยว) เนื่องจากมีสถานีเชื่อมต่อกับสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ที่สถานีเตาปูน
โดยมาตรการปรับอัตราค่าโดยสารตามระยะทางในอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทดังกล่าว คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ ทำให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ โดยเมื่อมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น จะช่วยลดค่าเดินทางด้วยรถยนต์ ประหยัดเวลาในการเดินทาง ลดความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเมื่อรวม 5 ปัจจัยข้างต้น จะทำให้มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสิ้น 79.35 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 952.23 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมที่คุ้มค่า
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางรางได้ประสานธนาคารกรุงไทยและผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า เร่งรัดดำเนินการปรับปรุงระบบการจัดเก็บค่าโดยสาร ในส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยจะต้องเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที และในเบื้องต้นจะต้องใช้บัตรโดยสารใบเดียวกัน หรือบัตร EMV Contactless เท่านั้น โดยในระยะแรกหากข้ามระบบยังคงต้องชำระอัตราค่าโดยสารของแต่ละสายก่อน เนื่องจากในขณะนี้ อยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบหรือซอฟต์แวร์ คาดว่าจะเปิดให้บริการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงในอัตราสูงสุดไม่เกิน 20 บาทตลอดสายภายในเดือน พ.ย. 2566 นี้ต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งภายในและภายนอกสถานี เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงระบบราง เช่น ถนนสายหลัก ถนนสายรอง ทางเดิน ทางรถจักรยาน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานภายนอกสถานีที่เอื้ออำนวยการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้ากับย่านพาณิชยกรรม ย่านที่อยู่อาศัย และบริการสาธารณะต่างๆ การจัดระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (Feeder System) ที่สามารถนำผู้โดยสารจากที่พักอาศัยเข้าสู่สถานีระบบขนส่งมวลชนทางราง เช่น รถโดยสารประจำทาง รถรับจ้างโดยสารสาธารณะ ขนส่งมวลชนสาธารณะระบบรางเบา หรือขนส่งมวลชนอื่นที่จะเชื่อมโยงการเดินทางจากใจกลางเมืองสู่พื้นที่รอบนอก เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร และจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเข้าสู่การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ช่วยเพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระการชดเชยจากภาครัฐได้ต่อไป