ผู้ชมทั้งหมด 414
บาฟส์ เปิดตัวรถเติมน้ำมันอากาศยาน EV รุ่นใหม่ เพิ่มสมรรถนะการใช้งานด้วยระบบ High Flow คันแรกในอาเซียน
บาฟส์ อินเทค เปิดตัว “รถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV Hydrant Dispenser แบบ High Flow” คันแรกของอาเซียน ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เพิ่มขีดความสามารถด้วยอัตราการเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน ร่วมจัดแสดงในงาน Inter Airport Europe 2023 ระหว่างวันที่ 10-13 ตุลาคม 2566 ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมันนี
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) กล่าวว่า บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทบาฟส์ (BAFS Group) ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบ ผลิต ประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานและระบบให้บริการน้ำมันอากาศยาน รวมถึงรถให้บริการภาคพื้นภายในท่าอากาศยาน โดยนอกจากประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานให้กับบาฟส์แล้ว ยังให้บริการกับลูกค้าในต่างประเทศ อาทิ สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และเตรียมขยายสู่ลูกค้าในเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ตั้งเป้าหมายขยายตลาดครอบคลุมประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 2 ปี
บาฟส์ อินเทค ดำเนินธุรกิจตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่อากาศยานให้มากที่สุด โดยมุ่งนำนวัตกรรมที่ทันสมัยพัฒนาการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดเปิดตัวรถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV Hydrant Dispenser แบบ High Flow คันแรกในอาเซียน และถือเป็นครั้งแรกที่รถเติมน้ำมันอากาศยานของไทยถูกนำไปแสดงในเวทีระดับโลกกับงานมหกรรมแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ใช้ในสนามบิน ครั้งที่ 24 หรืองาน Inter Airport Europe 2023 ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมันนี
ทั้งนี้ รถเติมน้ำมันอากาศยานคันดังกล่าวขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เพิ่มขีดความสามารถในการเติมน้ำมันอากาศยานด้วยอัตราการไหล 3,400 ลิตรต่อนาที สูงกว่าแบบ Low Flow ที่มีอัตราการไหล 1,300 ลิตรต่อนาที มีจุดเด่นด้วยขนาดที่เล็ก กะทัดรัด มีความคล่องตัวในการใช้งาน เสียงรบกวนต่ำ สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 244 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP) ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานเฉลี่ยได้ 15 เที่ยวบินต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง เหมาะสำหรับใช้ในสนามบินนานาชาติ มีการผลิตที่สอดคล้องตามมาตรฐานการบริการน้ำมันอากาศยานระดับสากลของ Joint Inspection Group (JIG) โดยจะนำมาให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายในปี 2566 นี้
ก่อนหน้านี้ ในปี 2563 บาฟส์ อินเทค ผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานไฟฟ้าแบบ Electric Hydrant Cart ประกอบด้วยรถแทรกเตอร์พลังงานไฟฟ้าและรถเติมน้ำมันแบบ Hydrant System ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งระบบ ช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซลได้มากถึง 6,300 ลิตรต่อปี หรือคิดเป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และยังพัฒนาการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 ได้เปิดตัวรถ EV Hydrant Dispenser แบบ Low Flow ซึ่งเป็นรถเติมน้ำมันอากาศยานขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าคันแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 170 กิโลเมตร ให้บริการเติมน้ำมันเฉลี่ย 8 เที่ยวบินต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงสุดถึง 90% เมื่อเทียบกับรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล ซึ่งจากข้อมูลการใช้งาน สามารถลดต้นทุนพลังงานได้ถึง 80% โดยปัจจุบันให้บริการอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
บาฟส์ อินเทค มุ่งมั่นนำนวัตกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมสนับสนุนโครงการ Airport Carbon Accreditation ร่วมผลักดันท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและสุวรรณภูมิ สู่การเป็น Green Airport รวมไปถึงท่าอากาศยานอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ร่วมมือกับบริษัท ITURRI ผู้นำการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานระดับโลกจากประเทศสเปน ดำเนินการพัฒนาการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานด้วยระบบไฟฟ้า โดยส่งชิ้นส่วนการผลิตมาประกอบในประเทศไทย พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การประกอบรถ EV Hydrant Dispenser ในประเทศไทยช่วยให้รถเติมน้ำมันอากาศยานมีราคาถูกลง และในอนาคตหากสามารถใช้ชิ้นส่วนอะไหล่จากในประเทศทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงอีก ซึ่งจะส่งผลให้รถพลังงานไฟฟ้ามีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย อันจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ท่าอากาศยานต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น สอดรับกับนโยบายที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมการบินก้าวเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ตามวิสัยทัศน์ของบาฟส์ “เติมเต็มโลกด้วยธุรกิจที่ยั่งยืน”