“พีระพันธุ์” ชงแนวทาง ครม. ลดเบนซินทั้งระบบ

ผู้ชมทั้งหมด 8,611 

รมว.พลังงาน เสนอแนวทางลดน้ำมันเบนซินทั้งระบบ ไม่เน้นกลุ่มเปราะบางเท่านั้น จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้คำตอบเรื่องโครงสร้างราคาน้ำมันเร่งด่วน 

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังจากที่กระทรวงพลังงานได้เสนอ 2 แนวทางจัดทำแผนช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซินให้นายพีระพันธุ์ทราบคือ มาตรการช่วยเหลือกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ลดภาระค่าใช้จ่าย มาตรการที่ 2 คือการขยายจากกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการขนาดเล็กอื่นๆ แต่นายพีระพันธุ์เห็นว่ายังไม่ใช่มาตรการที่ต้องการ จึงเสนอแนวทางที่ 3 ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังและที่ประชุม ครม.เห็นด้วยในแนวทางลดน้ำมันเบนซินในภาพรวมทุกระบบเช่นเดียวกับที่ลดราคาค่าน้ำมันดีเซล ที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ส่วนเป้าหมายจะต้องลดไม่น้อยกว่าดีเซล แต่ก็ต้องหารือกับกระทรวงการคลังว่า จะสามารถรับภาระได้เท่าไหร่ เราพูดล่วงหน้าไม่ได้ แต่จะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ตอบไม่ได้

เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องใช้การลดภาษีสรรพสามิตหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต้องศึกษาให้ละเอียด หาเป้าหมายนโยบายหลักให้ไปทำงาน ส่วนนโยบายเป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้อง จะต้องได้คำตอบภายใน 2 อาทิตย์

“น้ำมันเบนซินมีปัญหาเรื่องโครงสร้างน้ำมัน ผมยังไม่เข้าใจหลังจากที่มาทำงานได้เดือนกว่า คนที่ทำงานมาเป็นปียังไม่สามารถให้คำตอบผมได้ แปลกประหลาด ผมต้องศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริง หากปรับลดตรงไหนก็จะดำเนินการ เราพูดบนพื้นฐานบนโครงสร้างน้ำมันที่ใช้มาแล้วเป็นสิบๆปี ต้องหาแนวทางปรับลดราคามากกว่าและยั่งยืนกว่า ถ้าติดขัดเรื่องกฎหมาย ก็ต้องแก้ ไม่ใช่เรื่องยาก”

นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงค่าการตลาด ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการทำการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ คุยไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะข้อมูลที่ให้มาก็อ้างว่าเป็นความลับทางการค้า จึงต้องตั้งคณะกรรมการศึกษาจริงจัง นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้คำตอบ ต้องนำของกระทรวงเป็นทางการ ถ้าไม่ให้ก็ต้องใช้ของราชการเป็นหลัก เมื่อให้โอกาสนำตัวเลขมาชี้แจงไม่มา ตนก็ช่วยไม่ได้

สำหรับ โครงสร้างราคาน้ำมัน มีตั้งแต่ราคาหน้าโรงกลั่น ที่บวกค่าการกลั่นแล้ว ที่จริงแล้วค่าการกลั่นคือกำไรเบื้องต้นไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการกลั่นซึ่งอยู่ในงบดำเนินงาน ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่กระทรวงให้เปลี่ยนคำเพราะใช้คำว่าค่าการกลั่นคนทั่วไปก็นึกว่าเป็นค่าใช้จ่าย แต่จริงๆ มันคือกำไรของโรงกลั่น ตนให้เวลาทำงาน 30-60 วัน เราไม่จำเป็นต้องรอเสียเวลา

ส่วนเรื่องของผู้ว่าฯการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงพลังงาน เอกสารเพิ่งจะมาถึงวันที่ 27 ก.ย. อีกทั้งรมว.พลังงานมีหน้าที่แค่เสนอชื่อเข้าที่ประชุม ครม. ตัดสินว่าจะเอาหรือไม่เอาใคร แต่เมื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 22 พ.ค. มีมติเห็นชอบ แต่ให้ส่งเรื่องไปให้ กกต. ให้ความเห็นชอบก่อน แปลว่ามติรัฐมนตรียังมีเงื่อนไข ดังนั้นต้องส่งเรื่องไปที่กฟผ. หากยืนยันแล้วก็นำเข้า ครม. อีกครั้ง

“เป็นการทำตามขั้นตอน แต่รายชื่อบุคคลต้องไปถามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เพราะเขาเป็นผู้ส่งรายชื่อ ผมเป็นแค่ผู้ส่งเข้า ครม. เท่านั้น”