“สุรพงษ์“ เล็งรื้อแผนฟื้นฟูรฟท. หลังยังขาดทุนสะสมกว่า 2 แสนล้าน

ผู้ชมทั้งหมด 12,154 

สุรพงษ์“ เล็งรื้อแผนฟื้นฟูรฟทหลังยังขาดทุนสะสมกว่า 2 แสนล้าน เร่งแยกบัญชีเชิงสังคม PSO-เชิงพาณิชย์ ออกจากกัน เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนขยายการให้บริการขนส่งสินค้าทางราง เปิดกว้างให้เอกชนเข้ามาใช้รางมากขึ้น ขณะที่การจัดเก็บค่าโดยสารชั้น 1-2 ต้องเก็บตามจริง

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันพุธ ที่ 11 ..นี้ ตนจะไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งจากการศึกษารายละเอียดข้อมูลของรฟทในเบื้องต้นพบว่า สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการก่อน คือ แผนฟื้นฟูกิจการ รฟทซึ่งปัจจุบัน รฟทประสบปัญหาการขาดทุนสะสมจากการดำเนินการรวมกว่า 200,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถหาแนวทางในการลดขาดทุน ได้อย่างจริงจัง ขณะที่รฟทมีรางรถไฟครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 4,000 กมโดยตนมมีนโยบายจะให้ รฟทแยกบัญชีการดำเนินการเชิงสังคม(PSO) และ เชิงพาณิชย์ แยกออกจากกันเพื่อให้รู้ต้นทุน รายได้ ให้ชัดเจน

ทั้งนี้ในการแยกบัญชีเชิงสังคม และ เชิงพาณิชย์ ออกจากกันจะทำให้ รฟทรู้ต้นทุนในการบริหารจัดการ ขณะที่การจัดเก็บอัตราค่าโดยสารรถไฟนั้นเห็นว่าค่าโดยสารในชั้น 2 และ ชั้นควรที่จะจัดเก็บอัตราค่าโดยสารตามต้นทุนที่แท้จริงเพื่อให้ค่าโดยสารส่วนนี้สะท้อนต้นทุนของการบริการ และบริหารจัดการตามจริง และสามารถนำค่าโดยสารส่วนนี้ีมาอุดหนุนค่าโดยสารของผู้มีรายได้น้อย ในชั้น 3 ได้ในรูปแบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น

นอกจากนั้นยังพบว่า รฟทยังไม่ได้ใช้ศักยภาพองค์กรที่มีอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากรางรถไฟทั่วประเทศ ที่มีกว่า 4,000 กมขณะที่การขนส่งสินค้าทางรางเป็นการขนส่งที่มีราคาต้นทุนถูกกว่าการขนส่งในระบบอื่นๆ และจะเห็นว่าในปัจจุบันการขนส่งสินค้าทางรางในประเทศ มีสัดส่วนการขนส่งเพียง 20%เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก และ รฟทก็ไม่ได้เปิดกว้างที่จะนำรางรถไฟที่มีมาบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงที่รฟทไม่ใช้ราง  ดังนั้นนโยบายจะเน้นและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าจากภาคเอกชนเข้ามาใช้ระบบรางของ รฟท.ในการขนส่งสินค้ามากขึ้น ซึ่งนอกจากจะใช้ประโยชน์จากรางที่มีแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับ รฟทเพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานปัจจุบันของ รฟท.เดิมจะมีการตั้งบริษัทลูก 3 บริษัท ในส่วนนี้จะต้องมาดูในรายละเอียด และทำให้มีความชัดเจน ซึ่งได้รับรายงานว่าดำเนินการไปแล้วคือ บริษัทลูกด้านบริหารทรัพย์สินคือ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA)และขณะนี้อยู่ระหว่างการโอนสัญญาและสิทธิ ซึ่งตรงนี้ รฟทต้องเร่งดำเนินการว่าจะมีทรัพย์สินที่จะเพิ่มรายได้ในส่วนนี้อย่างไร ส่วนบริษัทลูกที่เหลือ คือ บริษัทลูกเดินรถ และซ่อมบำรุง ซึ่งจะดำเนินการหลังจากนี้ หากดำเนินการได้ก็จะทำให้เกิดความคล่องตัวและเพิ่มรายได้ให้รฟท.ได้