IRPCผู้ถือหุ้นไฟเขียวแผนจัดหาเงินกู้5หมื่นล้าน

ผู้ชมทั้งหมด 1,151 

IRPC ผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนจัดหาเงินกู้ระยะยาว 5 ปีกรอบวงเงินไม่เงิน 50,000 ล้านบาท ใช้สำหรับทดแทนเงินกู้เดิม และขยายการลงทุนตามแผน พร้อมเล็งซื้อกิจการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม ชี้ปี 64 แนวโน้มผลงานฟื้นตัว   

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564  ว่า ที่ประชุมอนุมัติแผนจัดหาเงินกู้ระยะยาว 5 ปี (2564-2568) กรอบวงเงินไม่เกิน 50,000 ล้านบาท สำหรับทดแทนเงินกู้เดิม และรองรับการขยายการลงทุนตามแผน ส่วนจะจัดหาเงินกู้ช่วงใดยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ เพราะต้องศึกษารายละเอียดการลงทุนให้รอบครอบก่อน และต้องดูช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมด้วย  

ส่วนแผนการลงทุนในช่วง 5 ปีนั้น IRPC เตรียมเงินลงทุนไว้ราว 36,251 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF)  เพื่อรองรับการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ปี 2566 การลงทุนในโครงการ Specialty Product ที่เป็นการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty) โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ Specialty เป็น 30% ในปี 2567 จากปัจจุบัน อยู่ที่ 17% และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 15% ภายใน 5 ปี

พร้อมกันนี้ยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ตามแผนกลยุทธ์มุ่งสู่ปิโตรเคมีปลายน้ำ ภายใต้กลยุทธ์ 3 S ได้แก่ Strengthening the core, Striving the growth, Sustaining the future ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจเพิ่มขึ้น

โดยการขยายลงทุนในธุรกิจใหม่นั้นล่าสุดมีการจัดตั้ง “บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด” เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง IRPC  และ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพื่อผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) ที่ขึ้นรูปด้วยวิธี Melt Blown ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผ้าชั้นกรองหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ และแผ่นกรองอากาศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 600 ล้านบาท พร้อมเริ่มจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 4 /2564

ขณะเดียวกันก็ได้เตรียมงบลงทุนไว้สำหรับการซ่อมบำรุง เพื่อปรับปรุงโรงกลั่นให้เกิดประสิทธิภาพในขบวนการผลิตมากขึ้น นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสซื้อกิจการ (M&A) โดยเตรียมเงินลงทุนไว้ราว 8,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นงบลงทุนที่อยู่ในแผนการลงทุน 5 ปี ซึ่งจะเน้นลงทุนซื้อกิจการในธุรกิจโตรเคมีปลายน้ำ เพื่อต่อยอดในการผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่ม

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในปี 2564 จะเป็นปีที่สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจจากปัจจัยภายนอกประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ หลังเกิดกระแสชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และปัญหาสงครามการค้า (Trade War) ซึ่งส่งผลบวกกับบริษัท ทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อลดความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนมายังประเทศและอาเซียนแทน ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะใช้ประโยชน์ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้เพื่อรับการย้ายฐานดังกล่าว

ทั้งนี้จากแผนขยายการลงทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด – 19 เริ่มคลี่คลายดีขึ้น จากที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกัน จึงเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานในปี 2564 จะเติบโตดีกว่าปี 2563 และจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้น