รมว.พลังงาน จ่อแก้กฎหมายคุมค่าการตลาดน้ำมันไม่เกิน 2 บ.ต่อลิตร

ผู้ชมทั้งหมด 12,117 

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จ่อแก้กฎหมายคุมค่าการตลาด “น้ำมัน” ต้องไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร ย้ำทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่ค่าการตลาดเฉลี่ย พร้อมมอบกฤษฎีกาตีความข้อกฎหมาย หาบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม มั่นใจ ไม่กระทบกลไกตลาดเสรี

วันนี้ (3 ต.ค.2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้หารือกับหน่วยงานในสังกัดในการกำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินให้มีค่าการตลาดอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม ประมาณ 2 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า ได้เชิญสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ปลัดกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานของกระทรวงพลังงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินที่มีราคาแพงในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากค่าการตลาด ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ได้คำนวณข้อมูลพื้นฐานควรอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร แต่ในความเป็นจริง พบว่า ผู้ประกอบการไปกำหนดค่าการตลาดสูงมาก และที่ผ่านมาทางกระทรวงพลังงาน ได้หารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงถือเป็นรายการบัญชีสินค้าควบคุม จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลเรื่องค่าการตลาด เพื่อให้อยู่ในกรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนด แต่ทางกระทรวงพาณิชย์แย้งมาว่า ทางกระทรวงพลังงาน มีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว และยังมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่าทางกระทรวงพลังงานมีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว จึงไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งในส่วนของกฎหมายดังกล่าว  ทางกระทรวงพลังงานได้มาศึกษาดูแล้วว่าเป็นคำสั่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 ที่เป็นช่วงเกิดวิกฤติราคาน้ำมัน ฉะนั้นเมื่อทางกระทรวงพาณิชย์คิดว่ายังเป็นกฎหมายเฉพาะจึงต้องมาหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะหากยืนยันว่าเป็นกฎหมายของกระทรวงพลังงานที่ต้องดูแล แต่เมื่อกระทรวงพลังงานพิจารณาดูแล้วว่าไม่มีอำนาจ ก็อาจจะต้องหาแนวทางแก้ไขกฎหมายต่อไป

“ถ้าแก้ไขกฎหมายได้แล้ว ค่าการตลาด จะอยู่ที่กี่บาท ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานต้องกำหนด แต่ปัจจุบัน อยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร แต่ประเด็นอยู่ที่ ถ้ากำหนดแล้ว ต่อไปเขาไม่ดำเนินการตามจะทำอย่างไร ซึ่งกระทรวงพลังงานดูว่าไม่มีกฎหมายจะไปดำเนินการ หรือ กำกับควบคุมให้เขาต้องปฏิบัติตามในส่วนนี้ ก็ต้องแก้ไขกฎหมาย ฉะนั้นจึงได้มอบหมายให้กฤษฎีกา ไปพิจารณาดูข้อกฎหมาย ซึ่งหากแก้ไข คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน”

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ได้มีการขอความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันให้ดูแลค่าการตลาดน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร ซึ่งในส่วนของดีเซล ได้รับความร่วมมือ แต่ในส่วนของเบนซิน พบว่า บางช่วงสูงถึง 4-6 บาทต่อลิตร ส่วนที่ทางผู้ค้าน้ำมัน อ้างว่า ได้ดูแลค่าการตลาดเฉลี่ยให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2  บาทต่อลิตรนั้น ขอย้ำว่า ไม่ใช่ค่าการตลาดเฉลี่ย แต่ควรเป็นการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร

นายพีระพันธุ์ ยังระบุถึงกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันอ้างว่า ข้อมูลค่าการตลาดบนเว็บไซต์ของกระทรวงพลังงาน กับ ค่าการตลาดที่แท้จริงของผู้ค้าน้ำมัน คำนวนบนฐานข้อมูลที่ไม่ตรงกันนั้น เรื่องนี้ได้มีการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมธุรกิจพลังงาน และสนพ.แล้ว พบว่า เป็นการคำนวณตามฐานข้อมูลที่มีอยู่ และได้มีการเชิญผู้ค้าน้ำมันมาหารือในเรื่องนี้แล้ว แต่อ้างว่า ไม่สามารถเปิดเผยฐานข้อมูลที่ชัดเจนได้เนื่องจากเป็นความลับทางการค้า ฉะนั้น ในเมื่อผู้ค้า อ้างว่า ค่าการตลาดของหน่วยงานราชการไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง ก็ควรจะให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง เอาต้นทุนที่แท้จริงมาหารือกัน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงฐานข้อมูลที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

“ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ พร้อมกับดูในเรื่องข้อกฎหมายควบคู่กันไปด้วย ส่วนเรื่องที่กังวลว่า จะเป็นการแทรกแซงกลไกตลาดเสรีหรือไม่นั้น มั่นใจว่าไม่มีผลกระทบ แต่ตราบใดที่นักธุรกิจยังทำธุรกิจอยู่ขอให้เชื่อว่าถ้าไม่มีกำไรคงไม่ทำต่อ”