“สุริยะ” ยันนำร่องรถไฟฟ้าสายสีแดง – ม่วง 20 บาท ตลอดสาย ส่งผลรฟท. – รฟม. รายได้ลด 136 ล้านบาท

ผู้ชมทั้งหมด 3,444 

สุริยะ” ยืนยันค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ทำได้แน่ตามที่พรรคหาเสียงไว้ สายสีแดง-สีม่วง นำร่องก่อนภายใน 3 เดือนนี้ ทำรายได้รฟท. – รฟม. ลดลง 136 ล้านบาทต่อปี ส่วนสายอื่นจ่อเจรจา บีอีเอ็ม- บีทีเอส –เอเชียเอราวัน มั่นใจสำเร็จใน 2 ปี 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ยืนยันว่าจะดำเนินการให้สำเร็จตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท. )เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ โดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยมีตนเป็นประธาน เพื่อให้นโยบายสำเร็จ โดยจะนำร่องในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วงก่อนที่จะดำเนินการให้ได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งเบื้องต้นได้หารือกับคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. แล้ว ว่ามีอำนาจในการพิจารณาปรัลลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็น 20 บาทตลอดสายได้โดยตรง ดังนั้นเรื่องนี้ ผู้ว่า รฟม.จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมบอร์ดประจำเดือน ก.ย.นี้ หากบอร์ดรฟม.อนุมติก็สามารถดำเนินการได้ทันที  

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีแดงที่บอร์ด รฟท.จะต้องพิจารณานั้น มีกรอบเรื่องหนี้สินสาธารณะอยู่ เนื่องจากเป็นรัฐวิสหกิจที่มีผลประกอบการขาดทุนสะสม คงต้องทำเรื่องเสนอคณะรัฐมตรี (ครม.)พิจารณา คาดว่าไม่น่าเกิน 2-3 สัปดาห์จะสามารถเสนอเรื่องได้ หากครม.อนุมัติก็สามารถดำเนินการได้ทันที ทั้งนี้เมื่อค่าโดยสารลดลงจะส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นเหตุผลที่จะนำเสนอครม.ให้พิจารณาอนุมัติ เพราะมีผลตอบแทนที่คุ้มทุนภายในเวลา 2 ปี โดยที่รัฐไม่ต้องชดเชยรายได้ที่ขาดไป 

ส่วนรถไฟฟ้าสายอื่น จะหารือกับเอกชนผู้ได้รับสัมปทานโดยที่ที่สุด อาทิ สายสีเขียว ของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS  และสายสีน้ำเงิน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ต้องใช้เวลในการเจรจากับผู้ได้รับสัมปทานประมาณ 2 ปี ให้ได้ผลสำเร็จ  รวมถึงบริษัท เอเชียเอราวัน จำกัด เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์  โดยต้องเจราจรกรณีที่มีการลดค่าโดยสารแล้วจะส่งผลให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มนั้นสามารถแบ่งปันผลประโยชน์ให้รัฐได้อย่างไร   

ด้าน นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า เมื่อราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงเป็น 20 บาทตลอดสาย คาดการณ์ว่ารายได้ก็จะลดลงรวมประมาณ 136 ล้านบาทต่อปี ในส่วนนี้รัฐบาลจะหาเงินมาชดเชยรายได้ โดยรถไฟฟ้าสายสีแดงตลิ่งชัน-รังสิต คาดการณ์ว่ารายได้ของ รฟท.จะลดลง 80 ล้านบาทต่อปี ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วงของรฟม.รายได้จะ ลดลง 56 ล้านบาทต่อปี แต่ปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 และใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่ารายได้จะกลับมาเท่าเดิม และหลังจาก 2 ปีไปแล้วรายได้ของทั้งสายสีแดงและสายสีม่วงจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ขณะที่ค่าใช้จายคงที่ ซึ่งผลประโยชน์จะเกิดกับประชาชนมากกว่าเพราะสามารถลดค่าครองชีพของประชาชนลงได้ อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะฝุ่นละลอง PM 2.5 ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งประโยชน์เชิงเศรษฐกิจก็จะดีมาก รวมถึงประโยชน์ด้านการเงินก็จะดีกับประชาชนที่ใช้ระบบรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายด้วย 

สำหรับปริมาณผู้โดยสารในปัจจุบัน รถไฟฟ้าสายสีแดงเฉลี่ย 2-3 หมื่นคนต่อวัน รถไฟฟ้าสายสีม่วงเฉลี่ย 5-6 หมื่นคนต่อวัน และถ้าค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นรวมเป็นกว่า 1 แสนคนต่อวัน ต่อข้อถามถึงกรณีที่สายสีแดงจะเปิดให้เอกชนเข้ามาเดินรถ เมื่อมีการลดค่าโดยสาร 20 บาทจะกระทบหรือไม่ นายพิเชฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ รฟท.ได้ทำการศึกษาไว้ว่า ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารยังน้อยมากๆ ดังนั้นโอกาสที่เอกชนจะเข้ามาประมูลมาเดินรถแบบคุ้มทุนก็เป็นไปได้ยาก ซึ่งจากผลการศึกษาระบุว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณ 7-8 ปี กว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารที่คุ้มทุนต่อการเดินรถ ดังนั้นนโยบาย 20 บาทตลอดสายน่าจะทำให้มีผู้โดยสารมาใช้บริการมากขึ้น และเป็นผลดีต่อการเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลเดินรถในอนาคต