ผู้ชมทั้งหมด 1,756
ก.พลังงานเร่งแผนพลังงานแห่งชาติ วางกรอบเสร็จภายใน 1 เดือนก่อนเสนอกพช. หนุนเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% พร้อมกำหนดเป้าใช้รถยนต์ EV 100% ตอบโจทย์ลดโลกร้อน มั่นใจประกาศใช้แผนทันปี 65
นายกวิน ทังสุพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติ โดยมีการพิจารณาบรรจุสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เพิ่มขึ้น ซึ่งหากจะปรับเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 50% ก็สามารถทำได้ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม รวมทั้งชีวมวล ชีวภาพ ไฮโดรเจน และเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างไรก็ตามการปรับสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนจะเป็นเท่าไหร่นั้นยังขอดูรายละเอียดเพราะจะต้องทบทวนศักยภาพทั้งหมดก่อน
พร้อมกันนี้การกำหนดแผนพลังงานแห่งชาตินั้นยังต้องพิจารณาถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตด้วย ซึ่งการใช้ยานยนต์ไฟฟ้านั้นเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแผนพลังงานแห่งชาติก็ต้องสอดคล้องกับแผน EV ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติอยู่ระหว่างกำหนดเป้าหมายการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ100% เพื่อตอบโจทย์ทิศทางของโลก ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงเทคโนโลยี5G ด้วยก็ทำให้การใช้ไฟเพิ่มขึ้นมากในอนาคตดังนั้นสำรองไฟจะต้องวางให้สมดุลด้วยเช่นกัน และในแผนจึงต้องมองในเรื่องการลงทุนระบบส่งอัจฉริยะ (สมาร์ทกริด) รองรับด้วย
นอกจากแผนพลังงานแห่งชาตินั้นจะต้องคำนึงถึงถึงแนวทางลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2)ที่เข้มข้นเพื่อก้าวสู่การปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ซึ่งท้ายสุดจะนำไปสู่การปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในแผนให้มากขึ้นส่วนถ่านหินตนมองว่าไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหินบรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติ เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วที่มีเทคโนโลยีะลังงานสะอาดมาทดแทน ทั้งนี้แผนพลังงานแห่งชาตินั้นคาดว่าจะวางกรอบให้แล้วเสร็จพร้อมเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ได้ภายใน 1 เดือนนับจากนี้ไปจากนั้นจะนำมาสู่การลงรายละเอียดและเป็นแผนสมบูรณ์ภายในปีนี้ก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปี 2565-2569
นายกวินกล่าวว่า ธุรกิจ EV ที่มีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้น ในอนาคตจะกระทบทุกภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรม พลังงานภาคขนส่ง ดังนั้นคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติที่มีรมว.พลังงานเป็นประธาน จึงต้องเร่งสรุปภาพให้เห็นชัดเจนว่าปีใดไทยจะหยุดขายรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายในประเทศเพื่อไปสู่อีวี100% เนื่องจากขณะนี้ไทยเป็นศูนย์กลาง (HUB) การส่งออกรถยนต์ในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะรถปิกอัพ ดังนั้นจึงเป็นการส่งสัญญาณรักษาฐานผลิตเดิมและค่อยๆปรับเพิ่มไปสู่ EV เพื่อไปสู่ฮับอีวีในอนาคต ซึ่งมาตรการส่งเสริมที่ผ่านมามีมากแล้วแต่อาจจะยังไม่ได้บูรณาการเท่าที่ควร