ผู้ชมทั้งหมด 454
โออาร์ ตั้งงบกว่า 3,000 ล้านบาท ลุยขยายคลังน้ำมัน-LPG ขยายฐานธุรกิจในกัมพูชา หนุนมาร์จิ้น ลั่นผลประกอบการครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก รับเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวในประเทศฟื้น มั่นใจไตรมาส4ปีนี้ ไร้ปัญหาขาดทุน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า OR เตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายโอกาสการลงทุนในกัมพูชา ช่วง 1-2 ปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะการขยายคลังน้ำมัน ที่เดิมมีอยู่แล้วแต่จะขยายขนาดเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันและน้ำมันเครื่องบิน หลังจากที่ OR ได้รับสัมปทานในการป้อนน้ำมันเครื่องบินเข้าสู่การก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ในเมืองหลวงของกัมพูชา ที่คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปีหน้า และการลงทุนขยายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นด้วย จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 170 แห่ง
“การลงทุนในกัมพูชา ถือเป็นบ้านแห่งที่ 2 ของ OR และมีโอกาสการเติบโตสูง เนื่องจากปัจจุบันไม่มีโรงกล่นน้ำมันในกัมพูชา ขณะเดียวกันกลุ่มปตท. ในส่วนของไทยออยล์ ก็มีการลงทุนโครงการ CFP ที่จะก่อสร้างแล้วในปี 2567 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่าตัว จึงเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกไปจำหน่ายในกัมพูชา”
รวมถึง การลงทุนก่อสร้างคลังจัดเก็บก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) เพื่อเจาะตลาดอุตสาหกรรมในกัมพูชา เบื้องต้นคาดว่าคลังLPG จะมีขนาด 2,000 ตัน และคาดว่าจะสร้างมาร์จิ้นที่ดีให้กับบริษัท
“OR ตั้งเป้าหมาย จะมี EBITDA ธุรกิจ Global สัดส่วนอยู่ที่ 15% ในปี 2570 จากช่วงครึ่งแรกปี 2566 มี EBITDA ธุรกิจ Global อยู่ที่ 7.6% โดยจะมุ่งเน้นขยายการลงทุนในกัมพูชา และลาวเป็นต้น”
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันที่เข้าสู่ช่วงขาขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันที่คาดว่าจะเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน(Jet) ที่มีอัตราเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมั่นใจว่า ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จะไม่เผชิญปัญหาขาดทุนเหมือนกับไตรมาส 4 ปี2565 เนื่องจากมีเครื่องมือรองรับ รวมทั้งการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปีนี้ ค่อนข้างดี
โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังในกลุ่มธุรกิจ Mobility จะปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle โดยเฉพาะ Café Amazon ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแผนการขยายสาขา เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้หลังจากโควิด ช่วยให้ปริมาณขายน้ำมันและ Café Amazon เติบโตขึ้นในทุกประเทศเป็นสัญญาณบวก ทั้งนี้ OR ยังคงมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างมั่นคง และได้เริ่มนำแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพไปทดลองในตลาดต่างประเทศแล้ว เช่น การนำแบรนด์ “อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย” Otteri wash & dry ไปเปิดสาขาแรกใน PTT Station สาขา Chbar Ampov ถือเป็นการนำพันธมิตรของ OR ไปบุกเบิกตลาดร้านสะดวกซักในประเทศกัมพูชา เป็นไปตามพันธกิจในการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภค และยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจให้กับเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในประเทศกัมพูชา
ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนที่สามารถต่อยอด Value Chain อย่างชัดเจนตามพันธกิจของ OR ได้ในระยะยาว และการสร้าง Synergy ร่วมทั้งจากภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านสุขภาพ และความงาม (Health & Beauty) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์กระแสหลัก เรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) และกลุ่มประชากรในวัยทำงานที่จะถือเป็นกลุ่มหลักของคนในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มของการใส่ใจสุขภาพ และความงาม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารูปแบบของการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม และอีกอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือด้านการท่องเที่ยวและที่พัก (Tourism & Accommodation) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มสอดคล้องกับพันธกิจด้าน All Lifestyle ของ OR ที่ต้องการเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจ Global มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ โดยเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ และร่วมกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ ตลอดจนหาโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีศักยภาพ