ผู้ชมทั้งหมด 2,062
OR เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “xplORe” วันที่ 18 ส.ค.นี้ ดันขยายธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ส่งตรงถึงผู้บริโภค ก่อนพัฒนาเป็น Super App สร้างความแข็งแกร่งธุรกิจในกลุ่มปตท. ขณะที่อีก 3 เดือนนี้ เปิดตัวปั๊มโฉมใหม่ลักษณะ “แฟล็กชิพสโตร์” สวยที่สุดในประเทศไทย หนุนใช้พลังงานสะอาด 100% ตอบโจทย์ลดโลกร้อนขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยในงานสัมมนา ประชาชาติธุรกิจ E S G : Game Changer ภายใต้หัวข้อ สร้าง “ความยั่งยืน” ให้เป็นจริง โดยระบุว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก( Climate Change) การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Disruptive Technology) และความเหลื่อมล้ำทางสังคม (social inequality) กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ OR ผู้ดำเนินธุรกิจค้าต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจให้กับOR ที่จะก้าวสู่ความหลากหลายในการทำธุรกิจที่มากขึ้นในอนาคต
โดย OR ยังคงยึดหลักการทำธุรกิจ 80: 20 ไว้ ซึ่งจะเห็นว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เช่น พีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน เป็นต้น OR จะเป็นเจ้าของหรือดำเนินการเองเพียง 20% เท่านั้น ส่วนที่เหลือ ราว 80% จะเป็นลักษณะของแฟรนไชส์ หรือ การลงทุนโดยพันธมิตร
ทั้งนี้ OR ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” และขับเคลื่อนการเติบโตภายใต้ 4 พันธกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจ Seamless Mobility การพัฒนาเทคโนโลยี หรือ ความเคลื่อนไหวไร้รอยต่อ ซึ่งไม่ว่าพลังงานจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดเราจะเป็นผู้ให้บริการกับทุกคน
2. ธุรกิจ ALL Lifestyles โดยช่วงไม่เกิน 3 เดือนจากนี้ จะเห็นพอร์ตฟอลิโออันใหม่ของ OR กลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งเรื่องความสวย ความงาม รวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเทรนด์ของธุรกิจนี้ OR จะก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง โดยจะเปิดกว้างให้พันธมิตรจากทุกแห่งเข้าร่วมในพอร์ตการลงทุนของ OR
3. ธุรกิจ Global Market โดย OR ได้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จขยายการเติบโตในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจแล้วกว่า 10 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา โอมาน เป็นต้น ซึ่ง OR จะเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่องไม่หยุดแค่การลงทุนเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เพราะต่างประเทศเป็นโอกาสในการเติบโต
และ 4.ธุรกิจ OR Innovation เป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดที่แตกต่างของ OR ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงจากการเป็น OR ในปัจจุบันจากที่อยู่บนแพลตฟอร์ตดั้งเดิมไปสู่เติบโตบนออนไลน์ถึง 50% โดยวันที่ 18 ส.ค.นี้ OR จะเปิดตัวแอพพลิเคชั่น ชื่อ explORe เพื่อให้ธุรกิจของOR ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น และไม่ได้เป็นเพียงแค่แอพพลิเคชั่นของOR เท่านั้น แต่ xplORe จะเป็นแอพพลิเคชั่นของกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจมากมาย เช่น EVme และธุรกิจยา เป็นต้น ซึ่งจะเป็น App ที่แข็งแรงที่สุดในกลุ่มปตท.และขยายกว้างออกไป รวมถึงในอนาคตคาดหวังว่า App นี้จะเป็น Super App ที่สร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มปตท.มากขึ้น และสุดท้ายแล้ว App นี้ จะย้อนกลับมาสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพราะไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนใดๆก็ตามที่อยู่ภายใต้ Ecosystem ของ OR จะเข้ามาอยู่ในแอพพลิเคชั่นของ OR ฟรี
นอกจากนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย
• S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก (Opportunities for Communities) ผ่านการดำเนิน ธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน
• D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ (More Partners, Products and Services) ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน
• G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด (Low Carbon Business Areas) ผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน
รวมถึงคำนึงถึงเรื่องของ ESG ภายใต้กลยุทธ์ 3P ได้แก่ People สังคมชุมชน Planet สิ่งแวดล้อม และ Performance การทำธุรกิจที่ดี
ทั้งนี้ ในปี 2030 OR จะบรรลุเป้าหมาย ด้าน LIVING COMMUNITY ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนครอบคลุมทั้งในพื้นที่ธุรกิจ และชุมชนรอบพื้นที่ธุรกิจ จำนวน 17,000 ชุมชน หรือ มากกว่า 12 ล้านชีวิต ด้าน ECONOMIC PROSPERITY สร้างการเติบโต อาชีพ และกระจายความมั่นคั่งสู่คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ประกอบการขนาดย่อม พนักงาน 1 ล้านราย และด้าน HEALTHY ENVIRONMENT ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ เพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด 1ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2022 หรือ บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2050
นายดิษทัต กล่าวอีกว่า ในอีก 3 เดือนจากนี้ OR จะเปิดปั๊มน้ำมันโฉมใหม่ที่เป็นลักษณะ “แฟล็กชิพสโตร์” ที่สวยที่สุดในประเทศไทย ที่จะเป็นปั๊มขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่ธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่มุ่นเน้นพลังงานสะอาด เช่น การติดตั้งปั๊มชาร์จอีวี โซลาร์รูฟท็อป 100% รวมถึงมีระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน และนำAI เข้ามาใช้คำนวณการปล่อยคาร์บอนฯของรถแต่ละคันที่ผ่านเข้า-ออกปั๊ม ตลอดจนคัดผลิตภัณฑ์ของชุมชนเข้ามาว่างจำนวนผ่านร้าน ไทยเด็ด เพื่อให้ชุมชนในตางจังหวัดได้กระจายสินค้าคุณภาพส่งตรงถึงมือผู้บริโภค เป็นต้น