PTG วางเป้าEBITDAปี64โต 10-15%

ผู้ชมทั้งหมด 1,639 

PTG วางเป้า EBITDA ปี64 โต 10-15% ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณจำหน่ายน้ำมัน 8-12% ธุรกิจ LPG เป้าปริมาณจำหน่ายโต 100% มั่นใจปีนี้มาร์เก็ตแชร์ขายน้ำมันเพิ่มเป็น 18% ยึดอันดับ 2 เหนียวแน่น พร้อมออกผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชาไตรมาส 3/64 หวังช่วยหนุนสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เพิ่มเป็น 60-70%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตอยู่ที่ 10-15% เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ หลังจากหลายประเทศเริ่มฉีดวัคป้องกันไวรัสโควิด-19 โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในโต 8-12% เทียบกับปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 4,959 ล้านลิตร และมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เพิ่มเป็น 18% อยู่อันดับที่ 2 และยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเฉลี่ยในระดับ 58-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นอกจากนี้การเติบโตยังคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-Oil) โดยในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขารวมเป็น 3,160 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสาขารวมทั้งหมด 2,850 สถานี โดยคาดว่าจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) จากเดิม 1,888 สาขา เพิ่มเป็น 2,030 สาขา และสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มขึ้นจาก 206 สาขา เป็น 260 สาขาภายในสิ้นปี 2564 รวมถึงการขยายศูนย์บริการรวม (Touchpoint) ซึ่งเป็นธุรกิจ Non-Oil เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท (Max Mart) รวมถึงศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษรถยนต์ออโต้แบคส์ (Autobacs)  และอื่นๆ รวมเป็น 870 สาขา จากปี 2563 ที่มีศูนย์บริการรวม 756 สาขา ซึ่งหลักๆ จะเป็นการขยายสาขาของร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ในปี 2564 บริษัทฯ ยังตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG รวมทั้งแก๊ส LPG สำหรับรถยนต์ และภาคครัวเรือน (หุงต้ม) อยู่ที่ 184,000 ตัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นราว 100% เทียบกับปี 2563 ที่มีปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG รวมอยู่ที่ 97,000 ตัน และมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ที่ 5.4% จากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 2.7% โดยปริมาณการจำหน่ายที่คาดว่าเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากบัตรสมาชิก พีที แมกซ์ (PT MAX CARD) ที่มีสมาชิกกว่า 15 ล้านใบ

นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายแก๊ส LPG ให้กับกลุ่มรถยนต์ โดยปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG สำหรับรถยนต์คาดว่าปริมาณการจำหน่ายในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 15-20% เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG โตถึง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการขยายสถานีบริการแก๊ส LPG ที่เพิ่มขึ้น ครอบคลุมการให้บริการที่มากขึ้น ส่วนแก๊ส LPG กลุ่มครัวเรือนมีแผนขยายให้ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยในปีนี้ ตั้งเป้าจะขยายนอีก 50 สาขาจากปัจจุบันมีสาขาการให้บริการ Gas Shop อยู่ ราว 99 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 11 จังหวัดรอบกรุงเทพฯ

ทั้งนี้การขยายธุรกิจใหม่นั้นจะไปส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจ Non-Oil เพิ่มเป็น 60-70% ภายใน 5 ปี (2564-2568) จากปัจจุบัน มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 4% เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรสูงกว่าน้ำมัน โดยธุรกิจใหม่ทาง PTG เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากกัญชง-กัญชา โดยร่วมมือกับพันธมิตรนำกัญชง-กัญชามาเป็นส่วนผสมในสินค้า เครื่องดิ่ม ผสมในกาแฟ ชา อาหาร ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาในไตรมาส 3/2564 และจะมีการเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ “ร่าเริง” ผสมใบกัญชา ในเร็วๆนี้ โดยจะเปิดจำหน่ายในปั๊มน้ำมันเป็นหลัก ,ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้า ก็จะรุกธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งหลังคาปั๊มน้ำมัน,ร่วมมือกับโครงการนำร่องของกองทัพบก ประมาณ 30 เมกะวัตต์ , โครงการ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนตั้งเป้าขายไฟฟ้าเข้าระบบ 4.5 เมกะวัตต์ ที่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งตั้งเป้า 5 ปีข้างหน้าจะมีทั้งหมด 2,000 สาขา ทั้งในประเทศไทย และ กลุ่ม CLMV ซึ่ง 70% อยู่ในปั๊มน้ำมัน และ30% อยู่ในนอกปั๊ม และร้านคอฟฟี่เวิลด์ ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงแบรนด์ใหม่ ขณะที่ธุรกิจจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ในสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน PT บริษัทก็มีการลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่จะขยายสถานี และเตรียมเปิดตัวในวันที่ 16 มี.ค.นี้ โดยภายใน 4 ปี ตั้งเป้า 300 สาขา

นอกจากนี้ยังมีแผนต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมโอเลโอ เคมิคอล (Oleo Chemical) จากโครงการ Palm Complex ที่ปัจจุบันสามารถดำเนินโครงการได้เต็มกำลังการผลิต และมีแผนขยายการให้บริการธุรกิจพลังงานทดแทนอื่นๆ เพื่อตอบรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปและนโยบายของประเทศที่สนับสนุนพลังงานทดแทนมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และสามารถดูแลลูกค้าให้ “อยู่ดี มีสุข” ตามวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทฯ