เจ้าท่าพัทยา ส่งมอบงานเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียนเฟส1

ผู้ชมทั้งหมด 543 

เจ้าท่าพัทยา พร้อมส่งมอบงานเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียนเฟส1 ให้ท้องถิ่น พ.ค.นี้นำไปใช้ประโยชน์ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศ ขณะที่เฟส 2 อยู่ระหว่างการประกวดราคาคาดแล้วเสร็จปี 68

นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา กรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ว่า ขณะนี้การดำเนินงานระยะที่ 1 ตั้งแต่บริเวณนาจอมเทียน 4 (ร้านลุงไสว) จนถึงบริเวณจอมเทียน 11  ระยะทางยาวประมาณ 3,570 เมตร กว้างลงทะเลประมาณ 50 เมตร โดยใช้งบประมาณผูกพัน3 ปี (ปี63-65)วงเงิน 586 ล้านบาท  แต่เกิดอุปสรรคความล่าช้าอยู่บ้าง เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานและเครื่องมือในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายเอกราช กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้ากว่า 90% แล้ว คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ ส่วนการดำเนินโครงการฯในระยะที่ 2 ตั้งแต่บริเวณจอมเทียน 11  ไปจนถึงบริเวณพัทยาปาร์ค ระยะทางประมาณ 2.65 กม. ใช้งบประมาณผูกพัน3 ปี (ปี66-68)วงเงิน 400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกวดราคาหาผู้รับจ้าง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จช่วงปลายปี 68

นายเอกราช กล่าวว่า ในส่วนของเฟส 1 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาในบางประเด็น 3 เรื่อง คือ 1. ป้ายประติมากรรมที่จะถูกกำหนดให้วางไว้ให้อยู่สถานที่ที่เหมาะสมเพื่อเป็นแลนด์มาร์กให้ประชาชนเข้ามาท่องเที่ยว และบันทึกภาพได้อย่างสวยงาม 2. การแก้ไขปรับแบบในจุดที่ให้เรือขึ้นลงได้ เพื่อให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น และ3. การยกเลิกในพื้นหาดแห้งบางจุดที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ตนได้ทำเรื่องเสนอให้กรมเจ้าท่าพิจารณาแล้ว คาดว่าไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนมี.ค.นี้จะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างดำเนินการเสริมทรายต่อไป

อย่างไรก็ตามเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดทางกรมเจ้าท่าก็จะส่งมอบพื้นที่คืนให้กับเทศบาลตำบลนาจอมเทียน คาดว่าไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนพ.ค.66 เพื่อนำไปใช้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งท้องถิ่นจะเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายในการบริหารพื้นที่ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง หรือให้ใครเข้ามาใช้พื้นที่ได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการใช้เป็นพื้นที่สันทนาการอยู่ตลอด อาทิ การจัดงานมิวสิคเฟสติวัล หรือการแข่งขันกีฬาทางน้ำ เป็นต้น ส่วนกรมเจ้าท่าเมื่อส่งมอบแล้วก็จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องการใช้งานว่าเกิดความชำรุดในจุดใดหรือไม่ เพื่อจะเข้ามาซ่องแซมให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้เหมือนเดิมเท่านั้น

นายเอกราช กล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวเมืองพัทยาถือว่ากลับมาดีมากเกือบ 100% แล้ว เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเวลานี้เหลือเพียงนักท่องเที่ยวจากจีนที่กำลังทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่เมืองพัทยา ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นมีเข้ามามากกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ จาก อินเดีย รัสเซีย ไต้หวัน และยุโรป ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาก็จะส่งผลให้พัทยามี่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แน่นอน

โดยที่ผ่านมาเมืองพัทยามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยปีละประมาณ 11 ล้านคนต่อปี ซึ่ง60% จะท่องเที่ยวตามเกาะ ล่าสุดข้อมูลตัวเลขจากท่าเทียบเรือพัทยาใต้ไปเกาะล้านพบว่ามีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ7-8 พันคน และในวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 คนต่อวัน ซึ่งมากกว่าตัวเลขปี 62 ที่มีเฉลี่ยวันละประมาณ 4-5 พันคน และในวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์มีประมาณ 10,000 คนต่อวัน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้มีผู้ประกอบการมาจดทะเบียนเรือบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มวันละ เกือบ 10 ลำ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ภายในปีนี้จะมีเรือบรรทุกผู้โดยสารในพื้นที่เมืองพัทยาเพิ่มจากประมาณ 800 ลำเป็นกว่า 1 พันลำได้ ส่วนจำนวนเรือในพื้นที่เมืองพัทยาทั้งหมดมีประมาณ4 พันลำ ได้แก่ เรือประมงพื้นบ้าน เรือบรรทุกผู้โดยสาร เรือสปีดโบ้ท และเจ็ทสกี

นายเอกราช กล่าวด้วยว่า ในส่วนของโครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดนั้น กรมเจ้าท่ายังมีแผนดำเนินงานบริเวณชายหาดท่องเที่ยว เช่น ชายหาดบางแสน ชายหาดสมิหลา ชายหาดชะอำ ชายหาดเขาหลัก ชายหาดบางเสร่ ชายหาดอ่าวดงตาล ชายหาดแสงจันทร์ ชายหาดปราณบุรี และชายหาดทรายรี เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวชายหาด สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป