EA แนะรัฐเร่งแก้ปัญหา “ค่าพลังงาน” แพง เปลี่ยน “MINDSET” สร้างโอกาสประเทศ

ผู้ชมทั้งหมด 1,011 

“CEO พลังงานบริสุทธิ์” แนะรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาต้นทุน “ค่าพลังงานแพง” พร้อมปรับ “Mindset” สร้างโอกาสประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤต ขณะที่ EA ชู ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม “แบตเตอรี่” และ “ไบโอเจท” รองรับเทรนด์โลกมุ่งพลังงานสะอาด ดึงดูดลงทุนต่างชาติ

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยในงานสัมมนา “Thailand : New Episode บทใหม่ประเทศไทย 2023” ภายใต้หัวข้อ “เดินหน้า New S-curve” โดยระบุว่า ภาพรวมของประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตพลังงานแพง อันเป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่าความต้องการใช้(ดีมานด์) สูงถึง 40-50% ขณะที่ประเทศอื่นส่วนใหญ่จะต่ำกว่า 10% ซึ่งสืบเนื่องจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดจนเกินการสร้างโรงไฟฟ้าจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงานแพงขึ้น ขณะที่เดียวกันไทยยังพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในปริมาณสูง โดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เข้ามาผลิตไฟฟ้า ทำให้ราคาค่าไฟแพงขึ้น อีกทั้งกำลังการผลิตก๊าซฯในอ่าวไทยที่ใช้มากว่า 30 ปีมีปริมาณลดลงและยังเผชิญกับช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานทำให้ปริมาณการผลิตก๊าซฯต่ำกว่าแผน และหากจะพัฒนาแหล่งก๊าซฯใหม่ๆขึ้นมาทดแทนก็ต้องใช้เวลา นอกจากนี้ ราคาไฟฟ้าก็ไม่สะท้อนต้นทุนในการผลิต ณ เวลานั้นๆ รวมถึงโครงสร้างระบบสายส่งยังเป็นอุปสรรคในการพัฒนาระบบ ประกอบกับวิธีการบริหาร Energy Source ยังเป็น Mindset เดิม

“เราติดกับดักสร้างโรงไฟฟ้ามากถึง 50% และยังเป็นการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่ราคาต้นทุนพลังงานยังแพง ถ้าไม่หลุดจากปัญหานี้ ประเทศจะไปต่อได้ยาก เพราะโลกเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาด และเม็ดเงินลงทุนโดยตรวจทกต่างชาติ (FDI)ที่ไหลเข้าสู่อาเซียน กว่าครึ่งเข้าสู่สิงคโปร์ ฉะนั้นไทยต้องเร่งปรับวิธีบริหารจัดการ”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ “พลังงานบริสุทธิ์” ได้วางวิสัยทัศน์ E@ Strategy โดยเน้นเทรนด์พลังงานสะอาดทั้งการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ และไบโอเจท ซึ่งในส่วนของไบโอเจท ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิว่า “โฮโดรเจน” ที่ยังมีข้อเสียเรื่องต้นทุนแพง และอันตราย โดยปัจจุบัน EA มีธุรกิจโรงงานผลิตรถไฟฟ้า ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศถึง70% ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ มีธุรกิจเรือไฟฟ้าที่วิ่งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเมกะชาร์จ ขนาด 3 เมกะวัตต์ และมีสถานีชาร์จรถEVที่เชื่อมต่อโครงสร้างรถสาธารณะ

“ถ้าประเทศไทยต้องการหลุดจากปัญหาและเติบโตแบบก้าวกระโดดต้องแก่เรื่องค่าพลังงานและเปลี่ยน Mindset”

ทั้งนี้ วิธีที่ทำให้ค่าพลังงานถูกลงและไม่หลุดเทรนด์โลก มองว่า ไทยต้องลดนำเข้า LNG ปรับเพิ่มการรับซื้อพลังงานสะอาดทุกประเภท โดยเฉพาะพลังน้ำ เปลี่ยนวิธีการเดินโรงไฟฟ้าใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและมีข้อมูลเรียลไทม์ พร้อมส่งเสริมใช้รถ EV ให้เป็นรูปธรรมเน้นรถขนส่งและรถสาธารณะ และต้องเปลี่ยนวิธีการควบคุมเอทานอล เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออกและการนำไปใช้งาน ตลอดจนส่งเสริมการผลิจไบโอเจททดแทนการใช้น้ำมันดีเซลที่ลดกลง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจำเป็นต้องผลักดันการขับเคลื่อนประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 เพื่อบรรลุเป้าหมาย “Thailand first” ด้วยการวางยุทธศาสตร์เน้น How and When ทำให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้ พร้อมกระตุ้นการแข่งขัน โดยรัฐต้องมีวิสัยทัศน์กล้าทำอะไรใหม่ๆ เพราะถ้าคิดเหมือนเดิมก็ได้เหมือนเดิม ดังนั้น ต้องมองวิกฤตให้เป็นโอกาส