EGCOชงขนอม1,800MWบรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติ

ผู้ชมทั้งหมด 1,270 

EGCO เตรียมหารือก.พลังงาน กฟผ.เสนอสร้างโรงไฟฟ้าขนอมส่วนขยาย 1,800 เมกะวัต์ บรรจุในแผนพลังงานชาติ ชี้มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งท่อก๊าซ และพื้นที่ ขณะโรงไฟฟ้าชุมชนมีความพร้อม 10 พื้นที่ทั้งภาคใต้และอีสาน พร้อมร่วมประมูลโซลาร์ลอยน้ำ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมหารือกับกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเสนอให้บรรจุสร้างโรงไฟฟ้าส่วนขยายในพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งศักยภาพพื้นที่สามารถรองรับได้อีก 2 ยูนิต ยูนิตละ 900 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ให้บรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติ นอกจากนี้ในพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอมยังมีความพร้อมเรื่องท่อก๊าซธรรมชาติรองรับเชื่อมต่อป้อนโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้มีต้นทุนต่ำลงในการสร้างโรงไฟฟ้า

ทั้งนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้นั้นมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย การท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้ากลับมาเติบโตเช่นเดิม ขณะที่การเชื่อมต่อสายส่งจากภาคกลางมายังภาคใต้นั้นอาจจะมีศักยภาพไม่เพียงต่อความต้องการไฟฟ้าในอนาคต ดังนั้นการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่จะช่วยให้มีความมั่นคงมากกว่า   ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 กำลังผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ ของ กฟผ.ตามแผนPDP2018 ที่กำหนดไว้ในปี2570และ2572 นั้น EGCO มีส่วนรวมในงานติดตั้งระบบ (OEM)

อย่างไรก็ตามการขยายการลงทุนในประเทศไทยนั้นยังไม่มีโครงการใหญ่ ซึ่งก็มีแต่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากนำร่อง 150 เมกะวัตต์ที่มีความชัดเจน โดยบริษัทได้เจรจากับวิสาหกิจชุมชน และดำเนินทำข้อตกลงไว้ 10 โครงการทั้งในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงชีวมวล กับชีวภาพ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 250 -300 ล้านบาทต่อโรง หรือประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์

อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าชุมชนนั้นอาจจะไม่ใช่โครงการที่ทำกำไร แต่ถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่ช่วยรัฐบาลกระตุ่นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน เชื้อเพลิงเป็นดัชนีสำคัญชี้วัดว่าโครงการจะไปรอดหรือไม่ ดังนั้นพืชพลังงานที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงต้องมาจากการเพาะปลูกพืชโตเร็ว และต้องมีการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง (contract farming) เพื่อให้สามารถป้อนเชื้อเพลิงได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุสัญญาไฟฟ้า สามารถลดปัจจัยเสี่ยงเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบ

ส่วนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน EGCO ก็ให้ความสนใจเช่นกันแต่ต้องรอความชัดเจนเรื่องนโยบายของภาครัฐก่อน โดยเฉพาะความชัดเจนในเรื่องพื้นที่ความรับผิดชอบ ส่วนโครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนของ กฟผ. นั้น EGCO ก็สนใจเข้าร่วมประมูล หรือร่วมลงทุน โดยล่าสุด กฟผ.เตรียมออกเงื้อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการโซลาร์ลอยน้ำ ( Hydro Floating Solar Hybrid System ) ที่เขื่อนอุบลรัตน์ ขนาด 24 เมกะวัตต์ ได้ภายในปีนี้ EGCO ก็สนใจที่จะเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกัน

นายเทพรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้จะมีโรงไฟฟ้าของ EGCO ที่จะหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ได้แก่ โรงไฟฟ้าหนองแค กำลังการผลิต 56.5 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าเอ็กโก โครเจน กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ จะหมดอายุสัญญา ในปี 2566 อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากโรงไฟฟ้าเอ็กโก โครเจน ได้รับการต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ทดแทนสัญญาชุดเดิมที่จะหมดอายุลง (SPP Replacement) และยังมีโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น “ลินเดน โคเจน” เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาขนาดกำลังการผลิต 972 เมกะวัตต์ หรือตามสัดส่วนการถือหุ้น 28% ราว 272 เมกะวัตต์เข้ามาชดเชยรายได้ที่ช่วยหนุนรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย