ผู้ชมทั้งหมด 486
BAFS ซุ่มเจรจา OR ขนส่งน้ำมันทางท่อเชื่อมคลังน้ำมัน Thappline ที่สระบุรี สร้างโครงข่ายขนส่งน้ำมันทางท่อจากโรงกลั่นภาคตะวันออก หวังได้ข้อสรุปต้นปี 66 คาดใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีแผนลงทุนสร้างคลังน้ำมันที่แม่สอดเชื่อมท่อส่งเมียมา
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานต้องการผลักดันให้เกิดการเชื่อท่อขนส่งน้ำมันให้ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BAFS อยู่ระหว่างการเจรจาเชื่อมต่อกับคลังน้ำมันของ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) บริษัทย่อยของ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่มีคลังน้ำมัน 2 แห่งที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ที่สามารถจ่ายน้ำมันไปยังภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปัจจุบันรอความชัดเจนของระดับนโยบายของโออาร์
อย่างไรก็ตามตนคาดว่า จะได้ข้อสรุปการลงทุนในต้นปี 2566 โดยการลงทุนนั้นจะเป็นการเชื่อมที่คลังจังหวัดสระบุรีของ Thappline กับท่อน้ำมันของ FPT ที่จังหวัดอ่างทอง ขณะที่การลงทุนเพื่อเชื่อมท่อเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ก็ต้องดูว่าหลังจากที่มีความชัดเจนเรื่องการลงทุนแล้วสัดส่วนการลงทุนจะเป็นอย่างไร
โดยในระหว่างรอความชัดเจนจากทางโออาร์ FPT ก็ได้เตรียมความพร้อมในการออกแบบทางเทคนิค และยื่นของ EIA ไว้แล้ว ซึ่งการลงทุนหากมีการตัดสินใจได้ข้อสรุปต้นปี 2566 คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีในการดำเนินการก่อสร้าง พร้อมเปิดให้บริการในปี 2567 ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมากกับทางโรงกลั่นน้ำมันภาคตะวันออกจะสารมารถส่งน้ำมันขึ้นทางภาคเหนือได้โดยไม่ต้องใช้รถยนต์ขนส่ง ผู้ค้าน้ำมันสามารถเลือกซื้อน้ำมันได้ทุกโรงกลั่น และยังเกิดประโยชน์กับประเทศไทยยกระดับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันของภูมิภาค
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อว่า ธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ โครงการระยะที่ 1 (บางปะอิน-กำแพงแพชร-พิจิตร) ระยะทาง 367 กิโลเมตร และโครงการระยะที่ 2 (กำแพงเพชร-ลำปาง) ระยะทาง 209 กิโลเมตร รวมระยะทาง 576 กิโลเมตร ที่เปิดให้บริการตั้งแต่กันยายน ปี 2564 ปัจจุบันส่งน้ำมันขึ้นภาคเหนือ 340 ล้านลิตรต่อปี เป้าปี 2565 ให้บริการขนส่งน้ำมัน 500 ล้านลิตรต่อปี ส่วนในปี 2566 ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านลิตร เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวจะส่งผลให้การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการขนส่งน้ำมันทางท่อมีราคาบริการที่ถูกกว่าขนส่งทางรถยนต์ที่ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น โดยเพฉาะน้ำมันดีเซลจึงทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อกันมากขึ้น
นอกจากนี้ BAFS ยังมีแผนลงทุนตั้งคลังน้ำมันที่อำเภอแม่สอดรอด จังหวัดตาก แล้วสร้างท่อส่งน้ำมันใต้แม่น้ำเมียวดีไปยังเมียนมา แล้วสร้างเป็นคลังน้ำมันฝั่งเมียมาเพื่อจ่ายน้ำมันสำหรับรถบรรทุกของเมียมาไม่ต้องข้ามแดนมา อันนี้กรมสรรพสามิตเขามองว่าจะช่วยป้องกันการลักลอบขายน้ำมันได้ อันอยู่ในแผนของ BAFS ซึ่งโครงการต้อองใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งก็ต้องรอให้ทางการเมืองของเมียนมานิ่งกว่านี้ แล้วจะมีการพูดคุยกันต่อ สำหรับการให้บริการส่งน้ำมันไปยังเมียมาของ FPT ในปัจจุบันนั้นอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านลิตรต่อปี