ผู้ชมทั้งหมด 1,145
EGCO ปี 64 มั่นใจรายได้เติบโตก้าวกระโดดตามกำลังการผลิตที่เข้ามาเพิ่มในปีนี้กว่า 10% พร้อมได้รับปัจจัยหนุนโครงการพลังงานลม หยุนหลิน ขนาดกำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ที่จะจ่ายไฟฟ้าในปลายปีนี้ พร้อมอัดงบลงทุน 3.7 หมื่นล้านบาทโดยครึ่งหนึ่งลุยซื้อกิจการ
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) เปิดเผยว่า รายได้ปี 64 จะเติบโตดีกว่าปี 63 เนื่องจากจะเติบโตตามกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาอีกราว 10% หรือคิดเป็น 500-600 เมกะวั้ตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งในมือ 6,015 เมกะวัตต์ ซึ่งรวมโครงการโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น “ลินเดน โคเจน” เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ขนาดกำลังการผลิต 972 เมกะวัตต์ หรือตามสัดส่วนการถือหุ้น 28% ราว 272 เมกะวัตต์คาดว่าการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2/2564 หลังจากดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ ในการปิดรายการซื้อขายแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ยังจะได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ในไต้หวัน โดยที่ EGCO ถือหุ้นในสัดส่วน 25% หรือ 160 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ปลายปีนี้ พร้อมกันนี้ EGCO เตรียมเปิดให้บริการท่อส่งน้ำมัน ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และให้บริการคลังน้ำมันที่จ.ขอนแก่น ของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (“TPN”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EGCO ในปลายปีนี้เช่นกันซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งช่วยสนับสนุนรายได้เติบโต โดยโครงการท่อส่งน้ำมันนั้นรองรับปริมาณน้ำมันได้ 5,443 ล้านลิตรต่อปี และคาดว่ามีรายได้ในระดับ 100 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการนี้มีศักยภาพขยายไปเชื่อมต่อกับสปป.ลาว เนื่องจากสปป.ลาวส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันจากประเทศไทย
ส่วนงบลงทุนในปี 64 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนราว 37,000 ล้านบาท โดยในจำนวน 10,000 กว่าล้านบาทใช้สำหรับลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินหารก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ขนาดกำลังการผลิต 644 เมกะวัตต์ หรือตามสัดส่วนการถือหุ้นของ EGCO 25% ราว 161 เมกะวัตต์ และอีก 10,000 กว่าล้านบาทใช้สำหรับลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งโครงการที่จะซื้อกิจการนั้นเน้นขยายลงทุนในประเทศที่ EGCO มีฐานการลงทุนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศอาเซียน และไต้หวัน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย รวมทั้งสหรัฐอเมริกา
นายเทพรัตน์ กล่าวถึงการลงทุนในประเทศเมียนมา ว่า บริษัทฯ ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใน เมียนมา โดยแผนงานที่ บริษัทจะเข้าไปลงทุน คือ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติใน พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทวาย ขนาดกำลังการผลิตราว 300 เมกะวัตต์ ที่ร่วมมือกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ซึ่งล่าสุดทาง ITD ได้ระบุจะทำหนังสือถึงรัฐบาลไทย ให้ช่วยเจรจากับเมียนมาที่ก่อนหน้านี้แจ้งยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมทวาย ซึ่ง ITD ระบุไม่เป็นธรรม ที่ยกเลิกการลงทุนโดยไม่มีเหตุผลกับภาคเอกชน ซึ่งภาคเอกชนไทยยังหวังว่าจะได้ดำเนินโครงการ แต่หลังจากนี้ก็ต้องลุ้นว่ารัฐบาลไทยจะมีการเจรจากับรัฐบาลเมียนมาได้ช่วงใดหลังจากเกิดการปฏิวัติในเมียนมา