BEM ไตรมาส 3 โชว์กำไร 863 ล้านบาท ทำ New High  

ผู้ชมทั้งหมด 478 

BEM ไตรมาส 3 โชว์กำไร 863 ล้านบาท ทำ New High นับตั้งแต่เผชิญโควิด ผู้โดยสารในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่312,663 เที่ยว 

ดรสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชนหรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง โชว์ผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 3/2565 โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 863 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 755 ล้านบาทหรือร้อยละ 699 มีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน 3,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,585 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.6 โดยรายได้ค่าผ่านทางเพิ่มขึ้น จำนวน 868 ล้านบาท รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถเพิ่มขึ้น จำนวน 651 ล้านบาท และรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น จำนวน 66 ล้านบาท จากปัจจัยบวกหลังการเปิดประเทศที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการกลับมาทำงานของภาคธุรกิจ การกลับมาเรียน on site ของสถาบันการศึกษา และยอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตัวเลขกำไร 863 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีนี้เป็นตัวเลข New High นับตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการระบาดของโควิด

ดรสมบัติ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่1,069,102 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 59.7 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปริมาณผู้โดยสารในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 312,663 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 292.4 โดยมั่นใจว่าการฟื้นตัวครั้งนี้เป็นแบบ V Shape แน่นอน

ดร.สมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 เพื่อพิจารณาเข้าทำสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์มีนบุรี (สุวินทวงศ์กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และพิจารณาการเข้าทำสัญญาว่าจ้างบริษัท .การช่างจำกัด (มหาชนเป็นผู้บริหารและก่อสร้างงานโยธา (ช่วงตะวันตกและผู้ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบอุปกรณ์งานระบบ และทดลองเดินทางรถไฟฟ้า (ช่วงตะวันออกและตะวันตกของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์มีนบุรี (สุวินทวงศ์ทั้งนี้การลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จะทำให้บริษัทเพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และขยายโครงการเครือข่ายของระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าที่บริษัทบริหารอยู่ในปัจจุบันให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการที่มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและรายได้ของโครงการรถไฟฟ้าภายใต้สัมปทานของบริษัท BEM มีความพร้อมที่จะเข้าดำเนินงานได้ทันที หลังจากลงนามสัญญา และมั่นใจว่าจะเปิดให้บริการส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมสุวินทวงศ์ได้ภายใน 3 ปีครึ่ง และส่วนตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมบางขุนนนท์ได้ภายใน 6 ปี ตามแผนงานของ รฟมซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของ BEM ที่ทำงานทุกโครงการประสบความสำเร็จ เปิดบริการได้ตามสัญญาเป็นไปตามแผนหรือก่อนแผนเสมอ