ผู้ชมทั้งหมด 449
บางจากฯ จัดสัมมนาประจำปี ครั้งที่ 12 หนุนใช้เทคโนโลยีสร้างการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน เตรียมประกาศแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) 23 พ.ย.นี้ พร้อมจับตาความต้องการใช้น้ำมันในแถบยุโรปช่วงฤดูหนาว ชี้ปัจจัยสำคัญส่งผลต่อทิศทางราคา
กลุ่มบางจาก จัดสัมมนาประจำปีครั้งที่ 12 ภายใต้หัวข้อ “Energy Security and Carbon Sequestration” เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับโลกและระดับประเทศมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อสร้างโลกยั่งยืนควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บรรยายพิเศษหัวข้อ “Energy Security and Carbon Sequestration” ว่า กลุ่มบางจากจัดสัมมนาประจำปีขึ้นเพื่อสะท้อนความสำคัญของการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานที่กำลังเป็นประเด็นท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญ เมื่อแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจะยังคงเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของโลกไปอีกหลายทศวรรษ มนุษย์จึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศ รวมถึงการใช้การดูดซับทางธรรมชาติร่วมสร้างความยั่งยืนให้แก่โลก ควบคู่กันกับการขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและสร้างทางเลือกของแหล่งพลังงานเพื่อความยั่งยืน ขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero
โดยทั่วโลกให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ซึ่งความผันผวนด้านราคาพลังงานถือว่าสำคัญ ปีนี้จะเห็นว่าราคาน้ำมันสูงถึงลิตรละ 40 บาท และจากการที่ปัจจุบันมีการใช้พลังงานทั่วโลก 1 วันละประมาณ 1.7 ล้านล้านล้านจูน หรือเทียบเท่าการบินรอบโลก 1 แสนรอบ หรือบินรอบโลก 1 แสนรอบ หรือจากโลกไปดวงจันทร์วันละ 5,000 รอบ ถือเป็นปริมาณที่มหาศาลมาก ดังนั้น การจะปิดหยุดพลังงานจากฟอสซิลแล้วใช้พลังานทดแทนที่มหาศาลขนาดนี้
“โลกจะยังคงต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดไม่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน แต่การดูดซับคาร์บอนทั้งทางธรรมชาติและด้วยเทคโนโลยี จะทำให้พลังงานฟอสซิลสามารถสร้างสมดุลให้กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้”
อย่างไรก็ตาม ช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ต้องใช้ทั้งเวลาและเงินทุนมหาศาล รวมถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยมี Taxonomy หรือการจัดหมวดหมู่ธุรกิจการลงทุนที่ช่วยลดคาร์บอนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ชวยเร่งให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานได้เร็วขึ้น สร้างมูลค่าให้การลงทุนที่จะช่วยให้เกิดการลดคาร์บอน ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนมากขึ้นผ่านสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และยังรวมถึงการกำหนดนโยบายด้านการเงิน เช่น ภาษีคาร์บอน (carbon tax) และการสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะทำให้มีการจัดสรรทรัพยากรโดยภาคเอกชนกันเอง โดยธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมาก นำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นการชดเชย และนำเงินส่วนนั้นมาพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด ช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอีกทางหนึ่ง
กลุ่มบางจาก จึงให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Balancing the Energy Trilemma) ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการนำพลังงานจากโลกมาใช้ ซึ่งมีผลต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและดูแลโลกใบนี้ให้ยั่งยืน และได้มีการตั้งเป้าหมายสู่ Net Zero ในปีค.ศ. 2050 (Carbon Neutrality ในปี 2030) ผ่านแผนงาน BCP 316 NET
ทั้งนี้ กลุ่มบางจาก ถือเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลักคือ 1.กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 2. กลุ่มธุรกิจการตลาด มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันกว่า 1,300 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ผ่านธุรกิจต่าง ๆ เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV charger 3. กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 4. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และ 5. กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) คาดว่า จะประกาศในวันที่ 23 พ.ย.นี้ โดยแผนการลงทุนเดิม ช่วงปี2564-2568 อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ยังต้องติดตามการใช้น้ำมันของยุโรป ว่าสภาพอากาศจะหนาวขึ้นหรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อการใช้น้ำมัน ซึ่งขณะนี้อากาศยังไม่หนาวมากนัก จึงต้องรอประเมินสถานการณ์ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 ต่อไป