ผู้ชมทั้งหมด 1,115
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 กรุงเทพมหานคร จับมือ GC ร่วมเปิดโครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” ปลูกป่าสร้างพื้นที่ สีเขียวในรูปแบบป่านิเวศบนพื้นที่ 55 ไร่ ในพื้นที่บ่อขยะเดิม ซึ่งนอกจากเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อฟอกปอดให้คนกรุงเทพฯ แล้ว ต้นไม้ยังจะช่วยลดมลพิษจากฝุ่น PM2.5 สร้างระบบนิเวศ การเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและการสร้างสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานครในการเพิ่มพื้นที่ป่าในเมือง ภายในงานนี้ มีนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมพิธี ณ พื้นที่บ่อขยะ บริเวณศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยอ่อนนุช แขวงประเวศ กรุงเทพฯ
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบัน ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญ ที่เราควรตระหนักถึงสิ่งที่จะส่งผลในอนาคต ซึ่งการจัดโครงการปลูกต้นไม้ “ยิ่งปลูกยิ่งดี” ในวันนี้ นอกจาก ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวแล้ว โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี และเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่พวกเราได้มีส่วนร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กรุงเทพฯ ดีขึ้น
การที่ GC ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช เพื่อนำพื้นที่หลุมฝังกลบขยะที่ปิดการใช้งาน 12 ปี มาดำเนินการปลูกป่า 55 ไร่ และเป็นการศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบในการปลูกป่าเพื่อคาร์บอนเครดิต นับว่าเป็นการสนองตอบนโยบายของกรุงเทพมหานครในการปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียว และกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง ที่สร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ ให้กับชาวกรุงเทพมหานครได้ดียิ่งขึ้น
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า โครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” เพื่อช่วยกันปลูกต้นไม้ มีวัตถุประสงค์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยปี 2065 และยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของกรุงเทพมหานครในการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น และยังสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ GC ที่บูรณาการความยั่งยืน (ESG) ภายใต้ความสมดุล ทั้ง 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ โดย GC ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
GC ริเริ่มโครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกป่า เป็นการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์แบบธรรมชาติ ครอบคลุมทั้งรูปแบบป่านิเวศ ป่าชายเลน ในหลายจังหวัดทั่วประเทศรวมถึงพื้นที่กรุงเทพฯ แห่งนี้ โดยเริ่มต้นการดำเนินโครงการ “ยิ่งปลูก ยิ่งดี” ร่วมกับกรุงเทพมหานครเป็นที่แรก บนพื้นที่บ่อขยะเดิม บริเวณศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช พื้นที่ 55 ไร่ ถือเป็นความท้าทายในการปลูกต้นไม้ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ฝังกลบขยะมาเป็นเวลานาน ที่มีสภาพพื้นที่และสภาพดินที่มีความเสื่อมโทรมให้กลับฟื้นเป็นพื้นที่ป่าสีเขียว โดยได้ทำงานร่วมกันระหว่าง GC, กทม. และผู้เชี่ยวชาญจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การปลูกป่าครั้งนี้ สามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ยปีละ 165 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และจะปลดปล่อยออกซิเจนให้กับบรรยากาศได้โดยเฉลี่ยปีละ 120 ตัน ออกซิเจน