ผู้ชมทั้งหมด 769
มติ ครม. ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปอีก 2 ปี จนถึงวันที่ 24 ก.ย.2567 หวังช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้จากการขายพืชพลังงานก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เรื่องการขยายระยะเวลาดำเนินการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปอีก 2 ปี จนถึงวันที่ 24 กันยายน 2567 จากเดิมวันที่ 24 กันยายน 2565 เนื่องจากกระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วยังมีความจำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวต่อไป เพื่อเป็นกลไกรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ
โดยการสร้างส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ และยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้จากการขายพืชผลทางการเกษตรกรสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ ไบโอดีเซลซึ่งเป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซล และเอทานอลซึ่งเป็นส่วนผสมในน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล ซึ่งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 มีบทเฉพาะกาล ระบุใจความสำคัญว่า นับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้การจ่ายเงินชดเชยแก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมเชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งดำเนินการมาก่อนหน้านี้ให้ดำเนินต่อไปอีก 3 ปีนับตั้งแต่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ
ทั้งนี้ ให้ทยอยลดการจ่ายเงินชดเชยทุกรอบระยะเวลา 1 ปี แต่หากมีความจำเป็นต้องขยายเวลาออกไป กพช. เสนอต่อ ครม.ขยายระยะเวลาได้อีกไม่เกิน 2 ครั้งๆ ละไม่เกิน 2 ปีพร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และมาตรการ เพื่อลดการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2567 โดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพิลงเป็นกลไกลในการจูงใจให้ใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซล ชนิดพื้นฐานตามที่ภาครัฐกำหนด