ผู้ชมทั้งหมด 587
บางจากฯ จับมือ บีบีจีไอ และ ธนโชค ออยล์ ไลท์ ร่วมทุน 8,000-10,000 ล้านบาท ตั้งบริษัท BSGF เดินหน้าก่อสร้างหน่วยผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารรายแรกและรายเดียวในไทย ผลิต ไบโอเจท หวังป้อนสายการบินทั่วโลก ตั้งเป้า 1 ล้านลิตรต่อปี ลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
วันนี้ (31 ส.ค.2565)บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย บริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ ร่วมแถลงข่าวจัดตั้ง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) พร้อมลงนามความร่วมมือในโครงการผลิตและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ (มหาชน) อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ เตรียมจัดตั้งหน่วยผลิต SAF ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน คาดว่าจะพร้อมให้บริการอุตสาหกรรมการบินทั้งในและต่างประเทศในไตรมาส 4 ของปี 2567 (ค.ศ. 2024) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางและขนส่งทางอากาศลงได้ราว 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ ลงนามข้อตกลงร่วมทุนจัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ด้วยงบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท ในสัดส่วนการลงทุนโดยบางจากฯ 51% ธนโชค ออยล์ ไลท์ 29% และ บีบีจีไอ 20% เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel) จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
การร่วมทุนครั้งนี้เป็นการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระหว่างพันธมิตรทั้ง 3 มาร่วมวางรากฐานที่มั่นคงให้กับบริษัท BSGF ทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต และการจัดจำหน่าย ประสานความแข็งแกร่ง ระหว่าง บริษัท บางจากฯ ผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันบางจาก โรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย เป็นผู้บุกเบิกการรับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารในครัวเรือนเพื่อผลิตไบโอดีเซล ในประเทศไทยเป็นรายแรก และมีความเชี่ยวชาญในการค้าน้ำมันผ่านบริษัท BCP Trading จำกัด หรือ BCPT ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ค้าน้ำมันอิสระอันดับหนึ่งในตลาดสิงคโปร์ บริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ฯ ผู้มีประสบการณ์ในการจัดหาวัตถุดิบอย่างน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารมายาวนาน และ บริษัท บีบีจีไอฯ ผู้นำอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
ทั้งนี้ บริษัท BSGF จะเริ่มดำเนินธุรกิจด้วยการก่อสร้างหน่วยผลิต SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) ภายในบริเวณโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือนนับจากนี้ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ ช่วงปลายปี ค.ศ. 2024 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1,000,000 ลิตรต่อวัน เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันทีโดยไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบินลงได้ประมาณ 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (เทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเชื้อเพลิงการบินในปัจจุบัน)
ทั้งนี้ BSGF พร้อมขยายเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการใช้ SAF ในอนาคต ตามแนวโน้มความต้องการใช้ SAF ทั่วโลก สอดคล้องกับข้อกำหนดในสหภาพยุโรปที่กำหนดสัดส่วนการผสม SAF ในน้ำมันอากาศยานที่จะบินเข้าสู่สนามบินในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (จากการลงมติของสมาชิกสภายุโรป เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กำหนดไว้ที่ 2% ในปีค.ศ. 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 6%, 37% และ 85% ในปีค.ศ. 2030, 2040 และ 2050 ตามลำดับ) และสอดคล้องกับมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ที่ให้การสนับสนุน เพื่อให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593
นายธนวัฒน์ ลินจงสุบงกช กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ธนโชคฯ มีความมั่นใจในการร่วมทุนครั้งนี้ ด้วยเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มบริษัทบางจาก ซึ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่ไปกับดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมมาโดยตลอด สอดคล้องกับพันธกิจของธนโชคฯ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันใช้แล้ว โดยมีการลงพื้นที่จัดเก็บในชุมชน ป้องกันการนำกลับไปใช้ซ้ำหรือระบายทิ้งลงในพื้นที่สาธารณะหรือแหล่งน้ำต่าง ๆโดยในปัจจุบัน กลุ่มธนโชคฯ มีเครือข่ายการเก็บรวบรวมน้ำมันใช้แล้วครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ด้วยศักยภาพการจัดเก็บและรวบรวมน้ำมันใช้แล้วประมาณ 17 ล้านลิตรต่อเดือน
“ธนโชค ออย ไลท์ฯ จะมุ่งเน้นพัฒนาวิธีการและจัดหาน้ำมันใช้แล้วสำหรับนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต SAF เพื่อยกระดับมาตรฐานของธุรกิจจัดเก็บและรวบรวมน้ำมันใช้แล้วให้พร้อมรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมการบินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”
ปัจจุบัน ราคาซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจะอยู่ในระดับต่ำกว่า ราคาCPO ประมาณ 2-3 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบัน ราคา CPO อยู่ที่ประมาณ 34.5 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่น้ำมันพืชใช้แล้ว(UCO) อยู่ทีประมาณ 32-33 บาทต่อกิโลกรัม
ด้าน นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความชำนาญในการปฏิบัติการโรงงานไบโอดีเซล พร้อมด้วยเทคโนโลยี และ feedstock สำหรับการผลิต SAF ทำให้กลุ่มบีบีจีไอ สามารถสนับสนุนวัตถุดิบให้กับหน่วยผลิต SAF ได้อย่างเพียงพอ ทั้งยังมีหน่วยที่สามารถปรับปรุงคุณภาพวัตถุดิบให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิต SAF อาทิเช่น กรดไขมันปาล์มและน้ำมันใช้แล้ว อีกด้วย
“ผลิตภัณฑ์ SAF จากน้ำมันใช้แล้วในการทำอาหารนั้น เรียกได้ว่าส่งผลดีทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ BCG Economy Model อย่างครบวงจร ตั้งแต่เศรษฐกิจชีวภาพ ( Bio-economy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเน้นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน”