ผู้ชมทั้งหมด 1,342
ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว อุตสาหกรรมต่าง ๆ กลับมาดำเนินการได้เต็มที่ และหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจการกลั่นปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณ แต่ว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันจะยังคงมีความผันผวนอยู่มาก ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นที่มีกำลังการกลั่นน้ำมันอันดับ 1 ของประเทศ จึงต้องเตรียมความพร้อมเร่งเสริมความแข็งแกร่งรอบด้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจการกลั่น เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการต่อยอดไปยังธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ได้แก่ การลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) และ การลงทุนในธุรกิจโอเลฟินที่ประเทศอินโดนีเซีย
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กล่าวว่า ไทยออยล์ ยังมีแผยขยายตลาดและกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค รวมถึง แสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ (New S-Curve) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต เพื่อลดความผันผวนจากอุตสาหกรรมพลังงาน และนำไปสู่เป้าหมายการเติบโตที่ยั่งยืน” ภายใต้วิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมด้านการเงิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการลงทุนของบริษัท ให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไทยออยล์ จึงเดินหน้าแผนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ให้แก่ประชาชนทั่วไป และผู้ถือหุ้นเดิมของไทยออยล์ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยจะจัดสรรและเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) จำนวนไม่เกิน 239,235,000 หุ้น รวมถึงจัดสรรเพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของไทยออยล์ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของหุ้นสามัญที่ออกและเสนอขายครั้งนี้ (ไม่รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากไทยออยล์ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำใหไทยออยล์มีภาระหรือหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ไทยออยล์ อาจมีการพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 35,885,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายครั้งนี้ โดยสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปและการจัดสรรหุ้นส่วนเกินในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 275,120,000 หุ้น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน ส่วนหนึ่งนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) ให้แก่ ปตท. และสถาบันการเงิน จากการที่ไทยออยล์เข้าลงทุนในธุรกิจโอเลฟินโดยซื้อหุ้นใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) บริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย
“ภายหลังการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่โครงสร้างเงินทุนของไทยออยล์ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน หรือใช้ขยายธุรกิจในอนาคต”
นายธนิก ธราวิศิษฏ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ให้แก่ประชาชนทั่วไป และผู้ถือหุ้นเดิมของไทยออยล์ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น ล่าสุด ได้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XB) วันแรกในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นของไทยออยล์ (Record Date) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งใหม่ เป็นวันที่ 19 สิงหาคม 2565 โดยไทยออยล์จะแจ้งราคาเสนอขาย อัตราการจองซื้อ ระยะเวลาการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป