GULF ทุ่มงบ 75 ล้านยูโรเข้าลงทุนกองทุน LCI Fund ต่อยอดธุรกิจสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผู้ชมทั้งหมด 997 

GULF ทุ่มงบ 75 ล้านยูโรเข้าลงทุนกองทุน LCI Fund ต่อยอดการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เน้นการแก้ปัญหาโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า Gulf International Investment (Hong Kong) Limited (“Gulf HK”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GULF ที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100ได้ลงนามในสัญญาลงทุน (Subscription Agreement) เพื่อเข้าลงทุนในวงเงิน 75 ล้านยูโร ในกองทุน Lightrock Climate Impact Fund SCSp (“LCI Fund”) โดยกองทุนดังกล่าวมีกำหนดอายุกองทุนประมาณ 10 ปี และมีระยะเวลาลงทุน 5 ปี ซึ่งจะทยอยเรียกชำระทุนภายในระยะเวลาลงทุนดังกล่าว

สำหรับ LCI Fund ถือเป็นกองทุน Private Equity ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท Lightrock ที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ และ LGT ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจธนาคารและการจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลกในด้านธนบดีธนกิจ (Private Banking) และการจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เน้นการแก้ปัญหาโลกร้อนภายใต้บริบทของการดำเนินธุรกิจตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG: environmental, social, governance) ซึ่งประกอบไปด้วย 1.การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เช่น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอร์รี่ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

2.การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคอุตสาหกรรม (Decarbonizing Industries) เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอน และกระบวนการอุตสาหกรรมสีเขียว 3.การขนส่งที่ยั่งยืน (Sustainable Transportation) 4.อาหารและการเกษตรที่ยั่งยืน (Sustainable Food and Agriculture) และ 5.การนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ (Enabling Technologies and Solutions) เช่น บริการที่ปรึกษาสำหรับการพัฒนา โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การลงทุนใน LCI Fund สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนและการจัดการสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเทศทั่วโลกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี 2050 ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าว ยังเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการให้ผลตอบแทนที่ดีอีกด้วย