EGCO ปิดดีลเงินกู้ 2,700 ล้าน ลุยสร้างโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย 74 MW

ผู้ชมทั้งหมด 1,025 

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) ยังเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดลงนามสัญญาเงินกู้ 2,700 ล้านบาทเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้า “เอ็กโก โคเจน เนอเรชั่น ส่วนขยาย” กำลังผลิตสุทธิ 74 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป ในประเทศ สนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ตลอดจนช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้าของประเทศ

ทั้งนี้ในปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 5,959 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวมสูงถึง 1,364 เมกะวัตต์ ทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นการลงทุนใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สปป.ลาว, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, และสหรัฐอเมริกา

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้า “เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ ซึ่งเอ็กโก ถือหุ้น 80% และบริษัท เจพาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 20% ก่อสร้างบนพื้นที่ว่างถัดจากโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น เดิมตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง

โดยจะจ่ายไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในปี 2567 โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชั่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทดแทน (SPP Replacement) เป็นระยะเวลา 25 ปี ในขณะที่กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำจากกระบวนการผลิตจะจำหน่ายให้แก่ ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมระยองและพื้นที่ใกล้เคียง

ทั้งนี้ โครงการ “เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” มีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,600 ล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนมกราคม 2567 อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมศักยภาพในการลงทุนล่าสุดโครงการฯ ประสบความสำเร็จในการลงนามสัญญาเงินกู้กับธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) มูลค่าเงินกู้รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท

“ด้วยความเชี่ยวชาญในธุรกิจไฟฟ้า เอ็กโก กรุ๊ป มั่นใจว่า “โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย” จะสามารถจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำอย่างมีเสถียรภาพ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและร่วมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด ซึ่งจะช่วยทำให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป ที่ว่า Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” นายเทพรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ นอกจากการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักแล้ว เอ็กโก กรุ๊ปยังขยายลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ตลอดจนยังได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย บริษัทเทคโนโลยี ด้านการเงิน (“Peer Power”) บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม (“Innopower”) และบริษัทด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด (“Apex Clean Energy Holdings”)