ผู้ชมทั้งหมด 2,038
BGRIM ปี 64 อัดงบลงทุน 5 หมื่นล้านบาทลุยขยายการลงทุนโครงการใหม่ และซื้อกิจการโรงไฟฟ้า คาดปิดดีลใหม่กว่า 3,000-4,000 เมกะวัตต์ ลั่นเริ่มทยอยปิดดีลไตรมาส 1/64 ราว 900-1,000 เมกะวัตต์ เตรียมนำเข้า LNG ล็อตแรก2.5 แสนตันกลางปี 64
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจปี 64 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50,000 ล้านบาท สำหรับลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ รวมถึงโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการ (M&A) และโครงการร่วมลงทุนใหม่ โดยในปี 64 คาดว่าจะปิดดีลโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มประมาณ 3,000-4,000 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้จะเริ่มทยอยปิดดีลในไตรมาส1/64 ราว 900-1,000 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในประเทศมาเลเซีย ขนาด 200-250 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และโครงการนี้สามารถขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มอีก 150 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมปิดดีลโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในไทย 2-3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 300-360 เมกะวัตต์ คาดว่าจะปิดดีลได้ในราวไตรมาส 1/64
นอกจากนี้ยังมีดีลเจรจาเพื่อร่วมทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในเวียดนาม 1-2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 100-200 เมกะวัตต์ ซึ่งจะต้องบรรลุดีลได้ในไตรมาส 1/64 เพื่อให้สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนด COD ในปลายปี64 และดีลเจรจาเพื่อร่วมทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในเกาหลีใต้ราว 130-160 เมกะวัตต์ คาดว่าจะปิดดีลได้ในช่วงไตรมาส 1/64 เช่นกัน ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ จากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเวียดนาม ในรูปแบบLNG to Power ราว 2,000-3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 64
ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ 3,682 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 3,089 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายการลงทุนต่อเนื่องไปสู่เป้าหมาย 7,200 เมกะวัตต์ภายในปี 68 ขณะที่ในไตรมาส 1/64 มีแผนCOD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 16 เมกะวัตต์ ที่จ.มุกดาหาร นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อขยายโอกาสการลงทุน อย่างล่าสุดมีความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และบริษัท พีอีเอ เอ็มคอม อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกฟภ. เพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาโครงข่ายและสายส่ง ช่วยสร้างเครือข่ายและต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่ห่างไกล เป็นต้น รวมถึงมองโอกาสการพัฒนาโครงการระบบไมโครกริด ระบบสมาร์ทไมโครกริดต่างๆ ในอนาคตด้วย
ส่วนการนำเข้าก๊าซอธรรมชาติเหลว (LNG) หลังจากได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) ให้เป็นผู้นำเข้า (ชิปเปอร์ ) 6.5 แสนตัน เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าของบริษัทนั้น ล่าสุด บริษัทได้เจรจากับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ พบว่ามีความต้องการเป็นลูกค้าแอลเอ็นจี ของบริษัทเพื่อนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีราคาขายถูก กว่าของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ทำให้ต้นทุนอุตสาหกรรมแข่งขัน ได้ดี ดังนั้น บริษัท จึงเสนอ ต่อ กกพ.ขอนำเข้าในปริมาณสูงขึ้น เชื่อว่าจะได้รับความเห็นชอบ
ทั้งนี้ BGRIM คาดว่าจะสามารถนำเข้า LNG ล็อตแรก 2.5 แสนตัน ได้ในกลางปี 64 เพิ่มเป็น 3.5 ในปี 65 และนำเข้าครบ 6.5 แสนตันในปี 66 ซึ่งชิปเปอร์รายใหม่ทุกราย ขณะนี้รอคณะทำงานด้านการนำเข้า LNG กำหนดหลักเกณฑ์ทั้งหมด ให้เสร็จสิ้นภายใน เดือน ม.ค. 64 อย่างไรก็ตามเพื่อรองรับความต้องการใช้ LNG ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงมีแผนนำเข้า LNG เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ในเวียดนาม 2-3 พันเมกะวัตต์ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาลเวียดนามนั้นบริษัทก็ได้ดำเนินการยื่นขอนำเข้า LNG เพิ่มอีก ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยจำนวนได้ อยู่ระหว่างรอกกพ. อนุมัติ