ผู้ชมทั้งหมด 657
ปตท.ควักกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ช่วยลูกค้าก๊าซฯ 4 กลุ่ม บรรเทาผลกระทบปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV,LNG และ LPG ต้นทุนที่แท้จริง ขณะที่ธุรกิจก๊าซฯ เร่งปรับตัวรองรับกระแสพลังงานหมุนเวียนและอีวี เดินหน้าขยายปั๊มชาร์จไฟฟ้าในปั๊ม NGV แตะ 10 แห่งในปีนี้
นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าของ ปตท.ในหลายภาคส่วนได้รับผลกระทบ ปตท.จึงได้วางแนวทางการช่วยเหลือลูกค้าก๊าซฯในช่วงราคาคาพลังงานผันผวน จำนวน 4 กลุ่ม รวมเป็นงบประมาณสนับสนุน ประมาณกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ดังนี้
กลุ่มผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในส่วนของภาคการขนส่ง สำหรับผู้ใช้รถทั่วไป ปตท.ได้ตรึงราคา NGV อยู่ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และสำหรับรถ TAXI ที่เข้าร่วมโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน ปตท.ได้ตรึงราคา อยู่ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม นับตั้งแต่ 1 พ.ย.2564 ถึง 15 มิ.ย. 2565 คาดว่า มาตรการนี้จะต้องใช้งบประมาณอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ในงบประมาณไปแล้ว 3,400 ล้านบาท
กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าหลายโรงงานกำลังจะสิ้นสุดสัญญาซื้อก๊าซฯเดิมลง และจะต้องเผชิญกับต้นทุนราคาก๊าซฯที่แพงขึ้น ทั้งจากการจัดซื้อในสัญญาใหม่ หรือ การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เข้ามา ปตท.จึงเพิ่มทางเลือกการใช้พลังงานให้กับลูกค้า ทั้งการพยายามคงราคาเดิมออกไประยะหนึ่งก่อน ตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 เป็นต้นมา เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวรับกับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น และยังอยู่ระหว่างเพิ่มทางเลือกในการจำหน่ายก๊าซฯเพิ่มเติมให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการชะลอปรับขึ้นราคาก๊าซฯตามต้นทุที่แท้จริงนั้น ทำให้ปตท.มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ อยู่ที่ 6,857 ล้านบาท
กลุ่มลูกค้าไฟฟ้า SPP ในส่วนนี้จะมีทั้งลูกค้า SPP ที่ขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อย และที่ขายไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนนี้ไม่สามารถสะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ ปตท.จึงวางแนวทางการช่วยเหลือลูกค้า SPP สำหรับค่าก๊าซฯที่ใช้ในอุตสาหกรรม จากส่วนลดการส่งเสริมการขายเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ อยู่ที่ราว 300 ล้านบาท
และกลุ่มผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) โดยปตท.ยังช่วยเหลือลดค่าก๊าซ LPG แก่กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค.2562 ถึง 30 มิ.ย.2565 คาดว่า จะใช้งบประมาณ อยู่ที่ 18 ล้านบาท
“เมื่อสิ้นสุดมาตรการลงในเดือนมิ.ย.นี้ ทางปตท.จะช่วยเหลือต่อหรือไม่นั้น ยังต้องหารือกับหลายภาคส่วน เพราะมาตรการส่วนใหญ่ก็เป็นการช่วยเหลือตามนโยบายของรัฐ ซึ่งตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์พลังงานในขณะนั้น แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือ กลไกราคาควรจะสะท้อนต้นทุน และการช่วยเหลือ ก็ควรเป็นเฉพาะกลุ่ม”
นายวุฒิกร กล่าวอีกว่าปตท.ยังได้ปรับตัวรองรับกับโอกาสและความท้าทายของธุรกิจก๊าซธรรมชาติจากกระแสการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจ NGV จะเห็นว่า สถานีบริการ NGV ปตท. สาขากำแพงเพชร 2 ได้ปรับโฉมรูปแบบใหม่ เป็นสถานีนำร่องที่ให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ในสถานีบริการ NGV และปีนี้ จะขยายเพิ่มอีก 9 แห่ง ให้ครบ 10 แห่งในระยะแรก ซึ่งจากการเปิดให้บริการที่ สถานีบริการ NGV ปตท. สาขากำแพงเพชร 2 พบว่า มีผู้สนใจนำรถอีวี เข้ามาใช้บริการวันละ 50-60 คัน แสดงให้เห็น EV Charging Station ได้รับความนิยม และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้พลังงาน
ดังนั้น ในส่วนนี้ จะเห็นว่า ปตท.ได้ปรับตัวเตรียมพร้อมเผชิญกับความท้าทายทั้ง การเข้ามาของพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศจะเห็นว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติจะยังเติบโต ควบคู่ไปกับการใช้พลังงานในรูปแบบใหม่ เนื่องจากก๊าซฯจะเป็นเชื้อเพลิงหลักที่สร้างความมั่นคงต่อการผลิตไฟฟ้า ที่จะรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของรถอีวีในอนาคต