AOT บริหารสนามบินกระบี่ บุรีรัมย์ อุดรฯ มั่นใจสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

ผู้ชมทั้งหมด 1,793 

AOT มั่นใจบริหารสนามบินอุดรฯ บุรีรัมย์ กระบี่ หนุนรายได้โต สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมลุยทำ Due Diligences 3 เดือนก่อนสรุปการแบ่งรายได้ให้ทย. ชี้ระยะแรกใช้งบลงทุนไม่มาก เปลี่ยนเทคโนโลยีตามมาตรฐาน TSA และ EASA

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ระบุว่า การเข้าไปดำเนินการบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ ตามกำหนดการจะดำเนินการลงนามในสัญญากับทย. ในเดือนพฤษภาคม 2565 พร้อมเริ่มเข้ามาบริหารทันที หลังจากได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนเมษายน 2565

การเข้าบริหารท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่งนี้ในช่วง 3 เดือนแรก (พ.ค. – ก.ค. 65) ทอท. จะดำเนินการทำ Due Diligences หรือ การสอบทานธุรกิจ การตรวจสอบประเมินผลทรัพย์สิน หนี้สินของแต่ละท่าอากาศยาน และนำมาวิเคราะห์ถึงสถานะของกิจการ เพื่อให้ผู้ว่าจ้างทราบข้อมูลที่แท้จริงที่อาจจะพิจารณาความเสี่ยงว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เพื่อนำมาประเมินเป็นส่วนแบ่งรายได้ให้กับทย. และประเมินงบลงทุนในระยะแรก ส่วนวิธีแบ่งรายได้ให้กับทย. ทางกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้กำหนด ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนสิงหาคม 2565

สำหรับงบลงทุนในระยะแรกนั้นในเบื้องต้นคาดว่าไม่ต้องใช้งบลงทุนอะไรมากเพราะจะเป็นการลงทุนปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้ได้ตามมาตรฐาน TSA และ EASA เช่น การเปลี่ยนเครื่องตรวจจับโลหะ เครื่องตรวจอาวุธ แต่การลงทุนในระยะยาวจะเป็นการลงทุนพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ ใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของผู้โดยสารในอนาคต ซึ่งอาจจะต้องใช้งบลงทุนในระดับสูง

ส่วนขั้นตอนการโยกย้ายพนักงานของ ทย. มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทอท. นั้นขั้นตอนนี้พนักงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ทย.จะต้องลาออกก่อน แล้วมาสมัครเป็นพนักงานของทอท. ซึ่งทอท. จะพิจารณาเป็นอันดับแรกภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของทอท.

อย่างไรก็ตามการบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ ทอท.ยืนยันว่า มีความพร้อมและศักยภาพเพียงพอที่จะบริหารท่าอากาศยานเพิ่มอีก 3 แห่ง แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ก็ตาม โดยเชื่อมั่นว่าหลังจากรัฐบาลประกาศเป็นโรคท้องถิ่น และมีการผ่อนคลายมาตรการด้านผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข กลับมาใช้มาตรการ Test and Go (ไม่ต้องกักตัว) ประกอบกับมีแนวโน้มว่าประเทศจีนเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการฟื้นตัวของผู้โดยสาร โดยคาดว่าอุตสาหกรรมการบินกลับมาปกติได้ในปี 2567 หรือไม่เกิน 2568

นอกจากนี้แล้วยังเชื่อมั่นว่าท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาค (Aviation Hub) โดยท่าอากาศยานอุดรธานีจะเป็นประตูเมือง (Gateway) ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และอีสานใต้คือ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ให้เป็น Gateway เชื่อมต่อไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา จึงทำให้ทั้ง 2 สนามบินนี้ เหมาะสมที่จะพัฒนายกระดับขึ้นเป็น Hub ขณะที่ท่าอากาศยานกระบี่ก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการเป็น Hub ทางภาคใต้ ดังนั้น ทอท. จะจัดทำการตลาดใหม่ โดยปรับเส้นทางบินระหว่างประเทศให้สามารถบินตรงจากต่างประเทศไปลงที่ อุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ ได้เลยไม่ต้องบินมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง 

ทั้งนี้จากสถิติการเดินทางของผู้โดยสารของ ทอท. ในปี 2562 (ก่อนวิกฤตการณ์ โควิด-19) ทอท.มีส่วนแบ่งการตลาดราวร้อยละ 85 ของผู้โดยสารทั้งหมดของประเทศ โดยจากผู้โดยสารต่างประเทศส่วนใหญ่ที่จะมาเปลี่ยนเครื่อง (Transfer) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานอุดรธานี กระบี่ และบุรีรัมย์ โดยเฉพาะยุโรปจากสถิติที่ผ่านมามีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 4-5 แสนคนต่อปีที่บินมาเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แล้วบินต่อไปอุดรธานี

ขณะเดียวกันการบินตรงไปยังท่าอากาศยานปลายทางยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้ท่าอากาศยานปลายทางจากการเก็บค่าธรรมเนียมสนามบิน (Passenger Service Charge : PSC) และยังเป็นการลดความแออัดบนน่านฟ้าที่กรุงเทพฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการเข้ามาบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ ทอท. จึงมั่นใจว่าจะช่วยหนุนรายได้ของทอท.เติบโตขึ้น มีผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น และทย.จะไม่เสียประโยชน์อย่างแน่นอน ซึ่งทอท.จะพิจารณาสนับสนุนเงินที่ ทย.ขาดหายไปจากการขาดรายได้ เพื่อให้ ทย. มีเงินทุนเพียงพอเพื่อการพัฒนาท่าอากาศยานอื่นต่อไป

อนึ่งเดิมทอท. บริหารท่าอากาศยานอยู่ 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง (เชียงราย) ท่าอากาศยานหาดใหญ่, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานดอนเมือง, และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเมื่อรับบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ กระบี่ จะส่งผลให้ท่าอากาศยานภายใต้การบริหารของ ทอท. เพิ่มเป็น 9 แห่ง